ที่มา | นสพ.มติชน รายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ชาคร ศิริสุวรรณสิทธิ์ |
เผยแพร่ |
“เกอร์บันกูลี เบอร์ดีมุคฮาเมดอฟ” ประธานาธิบดีเติร์กเมนิสถาน ชนะการเลือกตั้งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยสัดส่วนคะแนนเกือบ 98 เปอร์เซ็นต์ นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีต่อไปอีก 7 ปี
เบอร์ดีมุคฮาเมดอฟวัย 59 ปี ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็น “เกาหลีเหนือแห่งที่สองของเอเชีย” หลังการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดี ซาปาร์มูรัต นิยาซอฟ เมื่อปี 2006เวลานั้นทั่วโลกคาดหวังกันว่าเติร์กเมนิสถานจะเปิดประตูสู่โลกภายนอกมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เวลานี้คาดกันว่าผู้นำ “ชาวเติร์กเมน” ผู้นี้อาจเดินหน้าไปสู่การเป็นประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งตลอดชีวิตเสียด้วยซ้ำ หลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อปีก่อน
เบอร์ดีมุคฮาเมดอฟเคยเป็นทันตแพทย์ส่วนตัวให้กับนิยาซอฟ ผู้เป็นผู้นำเติร์กเมนิสถานตั้งแต่แยกตัวจากโซเวียต เมื่อปี 1991 ขณะที่เบอร์ดีมุคฮาเมดอฟได้รับการแต่งตั้งเป็น “รัฐมนตรีสาธารณสุข” ในปี 1997
นิยาซอฟนำพาเติร์กเมนิสถาน กลายเป็นประเทศที่โดดเดี่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยบุคลิก ความคิดอ่านแปลกๆ เช่น การเปลี่ยนชื่อ “เดือน” เดือนหนึ่งให้เป็นชื่อของแม่ รวมไปถึงการสร้างอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ของตัวเอง ที่หมุนหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ตลอดเวลา
หลังการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของนิยาซอฟ เบอร์ดีมุคฮาเมดอฟก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในทันทีและจัดการกำจัด “สัญลักษณ์” อันเป็นของผู้นำคนเก่าไปทั้งหมด
ประเทศตอนกลางของเอเชียแห่งนี้ไม่มีสื่อมวลชนอิสระ เบอร์ดีมุคฮาเมดอฟ ผู้ชื่นชอบการขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ ชอบที่จะถูกนำเสนอผ่านสื่อของรัฐบาลอย่างไร้ที่ติ
บทกวีของเบอร์ดีมุคฮาเมดอฟถูกตีพิมพ์ลงหน้าหนึ่งหนึ่งสือพิมพ์ เด็กๆ ร้องเพลงที่เบอร์ดีมุคฮาเมดอฟแต่ง ขณะที่การทำหน้าที่เป็นดีเจ ในงานปาร์ตี้ของหลานชายก็ถูกรายงานผ่านสถาทีโทรทัศน์แห่งชาติ
รอยด่างพร้อยเล็กๆ เกิดขึ้นในปี 2013 เมื่อ “คลิปวิดีโอ” เหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีเบอร์ดีมุคฮาเมดอฟตกจากหลังม้าตัวโปรด ถูกแชร์ในโลกออนไลน์เป็นวงกว้าง แต่เหตุดังกล่าวไม่ปรากฏในสื่อท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม ต่อจากนั้น 2 ปี อนุสาวรีย์เบอร์ดีมุคฮาเมดอฟขี่ม้าขนาดใหญ่ยักษ์ ก็ถูกสร้างขึ้นใจกลางเมืองหลวง
แม้ว่าประชากร 5.2 ล้านคนของประเทศส่วนใหญ่ยังคงยากจนข้นแค้น ทว่ารัฐบาลเบอร์ดีมุคฮาเมดอฟยังคงใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
ทำเนียบประธานาธิบดีหินอ่อนโดมทองคำ ใช้งบก่อสร้างสูงถึง 8,700 ล้านบาท ขณะที่สนามบินแห่งใหม่ ที่สร้างขึ้นเมื่อปีก่อน ใช้งบสูงถึง 70,000 ล้านบาท แม้ว่านักท่องเที่ยวเดินเข้าประเทศมีเพียงหยิบมือก็ตาม
เวลานี้ เติร์กเมนิสถานต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจใหญ่หลวง ผลจากราคาน้ำมันโลกตกต่ำ จนมีการพูดถึงการออกนโยบายให้ประชาชน ต้องเสียเงินซื้อน้ำมัน ไฟฟ้า และน้ำประปา หลังจากเคยใช้ฟรีมาโดยตลอดกันแล้ว
แม้ภาวะเศรษฐกิจจะส่งผลให้ประเทศต้องลดค่าเงินลงถึง 20 เปอร์เซ็นต์
แต่ “ผู้นำเติร์กเมน” ผู้นี้ก็ยังคงเตือนสติประชาชนอยู่เสมอว่า พวกเขาอาศัยอยู่ใน “ประเทศอันมีเสถียรภาพและมีความสุขมากที่สุด”