เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกัมพูชารุดตรวจเลือดชาวบ้านที่หวั่นอาจติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ หลังจากพบชาวบ้าน 14 ราย มีผลตรวจเลือดเป็นบวกต่อเชื้อไวรัสชนิดนี้ ทำให้เกิดความหวั่นเกรงกันว่าไวรัสเอชไอวีอาจกลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่ในประเทศ
ข่าวแจ้งว่า ชาวบ้านในหมู่บ้านพีมที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา ไปทางตอนเหนือราว 1 ชั่วโมงในการขับรถ ได้แห่กันไปเข้ารับการตรวจเลือดจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งใช้เป็นสถานที่ตรวจตัวอย่างเลือด โดยนายลี เป็ง ซุน ผู้อำนวยการศูนย์เอชไอวีแห่งชาติของกัมพูชา เปิดเผยว่า การตรวจเลือดให้กับชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านนี้มีขึ้นหลังจากมีชาวบ้าน 14 คน ถูกตรวจพบว่ามีผลเลือดเป็นบวกต่อเชื้อไวรัสเอชไอวี เฉพาะวันนี้มีชาวบ้านเข้ามารับการตรวจเลือดแล้วกว่า 140 ราย ซึ่งขณะนี้ในจำนวนดังกล่าว มีผู้ที่มีผลเลือดเป็นลบหรือปลอดจากเชื้อเอชไอวีราว 50 คน
ชาวบ้านในหมู่บ้านพีมหลายคนเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้พวกเขาติดเชื้อเอชไอวีอาจมาจากหมอรายหนึ่ง หญิงกัมพูชาวัย 33 ปีรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองและลูกอีก 2 คน ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งเธอสงสัยว่าอาจมาจากหมอที่เธอเข้ารับการรักษา อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการศูนย์เอชไอวีแห่งชาติของกัมพูชา กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปสาเหตุของการระบาดของเชื้อเอชไอวีในหมู่บ้านนี้ว่าเกิดจากสาเหตุใด
เอเอฟพีระบุว่า อัตราผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศกัมพูชายังมีอยู่สูง แม้กัมพูชาจะมีพัฒนาการดีขึ้นในการป้องกันเชื้อเอชไอวีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ทว่าความหวั่นกลัวการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีมีเพิ่มมากขึ้น หลังจากพบการระบาดของเชื้อเอชไอวีในหมู่บ้านหนึ่งในจังหวัดพระตะบอง โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 200 ราย ซึ่งการระบาดครั้งนั้นตรวจสอบพบว่ามีต้นตอมาจากหมอเถื่อนที่ใช้เข็มฉีดยาซ้ำในการรักษาคนไข้ จนทำให้เกิดการแพร่เชื้อเอชไอวี โดยหมอเถื่อนคนดังกล่าวในขณะนี้อยู่ระหว่างการรับโทษจำคุกเป็นเวลา 25 ปี
