สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า “ทรินิตีมิเรอร์” หนึ่งในสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ แถลงเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ว่าเตรียมที่จะออกหนังสือพิมพ์รายวันที่วางจำหน่ายทั่วประเทศฉบับใหม่ นับว่าเป็นหนังสือพิมพ์เกิดใหม่หัวแรกของอังกฤษในรอบ 30 ปี ซึ่งเปิดตัวในช่วงเวลาที่สิ่งพิมพ์ฉบับอื่นเริ่มล้มหายตายจากไป
ทรินิตีมิเรอร์ที่เป็นผู้ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์รายวันนิยมแนวคิดฝั่งซ้าย “เดลีมิเรอร์” และหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ “ซันเดย์มิเรอร์” ระบุว่า หนังสือพิมพ์รายวันฉบับใหม่นี้มีชื่อหัวว่า “เดอะ นิวเดย์” จะวางแผงฉบับแรกในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ โดยจะนำเสนอเนื้อหาที่ “มีความหวัง มองโลกในแง่ดี และเป็นกลางทางการเมือง”
การแถลงข่าวเรื่องนี้ มีขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่นายเยฟเกนี เลเบเดฟ ชาวอังกฤษเชื้อสายรัสเซีย เจ้าของหนังสือพิมพ์ “ดิ อินดีเพนเดนท์” ประกาศว่าจะยุติการออกดิ อินดีเพนเดนท์ในรูปแบบสิ่งพิมพ์ในเดือนมีนาคม หลังจากตีพิมพ์มา 30 ปี โดยจะเดินหน้าทำต่อในรูปแบบดิจิตอลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นายไซมอน ฟ็อกซ์ ประธานบริหารของเดอะ นิวเดย์ เปิดเผยว่า เดอะ นิวเดย์ จะมีการเผยแพร่ข่าวทางโซเชียลมีเดียด้วย ทว่าจะไม่มีเว็บไซต์ พร้อมยอมรับว่า จำนวนผู้ซื้อหนังสือพิมพ์น้อยลง แต่ยืนยันว่า สื่อสิ่งพิมพ์ยังห่างไกลจากการล้มหายตายจาก
“มีผู้ที่หยุดซื้อหนังสือพิมพ์ไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามากกว่า 1 ล้านคน แต่เราเชื่อว่า ผู้คนมากมายในจำนวนนี้สามารถกลับมาซื้อหนังสือพิมพ์อีกครั้งหากมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง” นายฟ็อกซ์กล่าว และว่า “การฟื้นฟูสิ่งพิมพ์เป็นกุญแจสำคัญในนโยบายของเราที่คู่ขนานไปกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิตอล และไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจาก 2 สิ่งนี้ หนังสือพิมพ์สามารถอยู่ในยุคดิจิตอลได้หากได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอสิ่งที่แตกต่าง”
อลิสัน ฟิลลิปส์ บรรณาธิการของเดอะ นิวเดย์ เปิดเผยว่า หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นผลมาจากการทำความเข้าใจผู้อ่านอย่างลึกซึ้ง และได้รับการออกแบบมาเพื่อวิถีชีวิตของผู้คนยุคใหม่
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์เดอะ นิวเดย์ ที่มี 40 หน้า จะแจกฟรีในวันแรกที่วางแผง ก่อนที่จะจำหน่ายในราคา 25 เพนนี (ราว 12.5 บาท) ในวันต่อมา และ 50 เพนนี (ราว 25 บาท) หลังจากนั้น
ข่าวระบุว่า ข้อมูลล่าสุดนั้น ดิ ไอ ที่เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับย่อยเนื้อหาและลดราคาของ ดิ อินดีเพนเดนท์ มียอดตีพิมพ์จำหน่ายต่อวันอยู่ที่มากกว่า 270,000 ฉบับ ขณะที่ดิ อินดีเพนเดนท์ มียอดตีพิมพ์อยู่ที่ 55,000 เล่มเท่านั้น จนต้องเลิกฉบับสิ่งพิมพ์ไป ส่วน เดลีมิเรอร์ มียอดพิมพ์จำหน่ายในเดือนมกราคมปีนี้ ลดลง 12 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ราว 800,000 ฉบับต่อวัน
