ที่มา | คอลัมน์ Think Tank มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | เสกขภูมิ วรรณปก [email protected] |
เผยแพร่ |
การออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ หรือที่เรียกกันว่า “เบร็กซิท” จะนำพาประเทศนี้ไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย ไม่เคยมีประเทศไหนที่ได้ผ่านเส้นทางนี้มาก่อน
หลังจากที่อังกฤษบรรลุข้อตกลงในการเจรจาได้ “สถานภาพพิเศษ” จากทางอียูเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนระบุว่า จะรณรงค์ให้อังกฤษอยู่ในอียูต่อไป และเตือนกลุ่มที่เรียกร้องให้แยกตัวว่า “เบร็กซิท” จะเป็นการก้าวไปสู่โลกที่ไม่รู้จัก และอนาคตหลังออกจากอียูนั้น ห่างไกลจากเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ในกรณีที่เกิดเบร็กซิทขึ้น ขั้นแรกอังกฤษและอียูจะต้อง “เจรจากันเพื่อบรรลุข้อตกลงเตรียมการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิก” ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน
หากว่าไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายใน 2 ปี อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกอียูโดยอัตโนมัติ เว้นเสียแต่จะทั้งสองฝ่ายจะเห็นพ้องให้มีการยืดเวลาออกไป
ประเด็นที่เป็นหัวใจสำคัญในการหารือเรื่องนี้คือ อังกฤษจะยังคงอยู่ใน “เขตเศรษฐกิจยุโรป” (อีอีเอ) เหมือนชาติอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกอียู อย่างนอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์หรือไม่ หรือว่าอังกฤษจะออกจากระบบตลาดร่วมนี้ไปด้วยพร้อมกัน
กรุงลอนดอนที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางการเงินที่สำคัญที่สุดของยุโรปถือเป็นปฏิปักษ์กับเบร็กซิท และผู้ที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงจากเรื่องนี้ได้เตรียมแผนการรองรับไว้แล้ว โดยเอชเอสบีซี ธนาคารยักษ์ใหญ่ที่สุดของยุโรปเตือนว่า หากอังกฤษออกจากอียูจะต้องมีการย้ายงาน 1,000 ตำแหน่งไปยังกรุงปารีสของฝรั่งเศสแทน
ผลสำรวจขององค์กรทางวิชาการ “โอเพ่นยุโรป” ระบุว่า หากอังกฤษออกจากอียู ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษจะหดตัวลง 0.8% ในปี พ.ศ.2573 แต่ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดอาจลดลงถึง 2.2%
ขณะที่ในด้านความมั่นคง ดูเหมือนทุกฝ่ายจะสรุปว่าจำเป็นต้องมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเบร็กซิทจะทำให้สถานะของอังกฤษบนเวทีโลกอ่อนแอลง และสูญเสียการเป็นประตูเชื่อมโยงระหว่างสหรัฐและจีนเข้ากับยุโรป
อังกฤษมีแนวโน้มจะอ่อนแอลงอีก จากการต้องเสียสกอตแลนด์ไป โดยรัฐบาลสกอตแลนด์ส่งสัญญาณแล้วว่าจะเรียกร้องให้จัดการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชอีกครั้งในกรณีที่เกิดเบร็กซิท
ผลที่ตามมาจะถือเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงสำหรับเดวิด คาเมรอน ที่จะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ว่า
เป็นคนที่ทำให้ฝ่ายต่อต้านการรวมสหภาพยุโรปมีพลังแกร่งกล้าจนผลักดันให้อังกฤษออกจากอียูได้สำเร็จ