ไต้หวันเดินหน้าเสริมสร้างการป้องกันดินแดน กับมะกันต่อไป ชี้จีนคือภัยคุกคามร่วม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม กระทรวงต่างประเทศไต้หวันแถลงว่า ไต้หวันมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างการป้องกันดินแดน และทำงานร่วมกับสหรัฐอเมริกาต่อไป นอกจากนี้ได้หลีกเลี่ยงการตอบโต้โดยตรงต่อคำพูดของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ที่ว่าไต้หวันควรจ่ายเงินเพื่อการป้องกันประเทศมากขึ้น
กัวหยู เฉียว รองหัวหน้ากรมอเมริกาเหนือ กระทรวงต่างประเทศไต้หวัน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไต้หวันและสหรัฐ มีค่านิยมสากลร่วมกัน ได้แก่ ประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน และ มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม กัวหยู เฉียว ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นโดยตรงต่อคำพูดของทรัมป์
“ในอนาคต เราจะยังคงทำงานร่วมกับสหรัฐอเมริกาและประเทศที่มีแนวคิดเดียวกันเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันประเทศของเรา และ ร่วมกันรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน” เฉียวกล่าวเสริม
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ทางพรรครัฐบาลของไต้หวัน ระบุว่า ความเห็นของทรัมป์เกี่ยวกับไต้หวันเป็นเพียงความหวังว่าไต้หวันจะแสดงความมุ่งมั่นในการปกป้องความมั่นคงของตนเองเช่นเดียวกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป
หลิน ยู่ชาง เลขาธิการพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของไต้หวัน กล่าวในแถลงการณ์ว่า “จีนเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อสหรัฐ นี่คือความเห็นพ้องของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ขณะนี้ถือเป็นยุคที่ดีที่สุดของความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและสหรัฐ ”
ทั้งนี้ฐบาลไต้หวันได้ให้ความสำคัญในการปรับปรุงระบบป้องกันประเทศให้ทันสมัย ซึ่งรวมถึงการพัฒนาเรือดำน้ำของตนเอง และได้กล่าวหลายครั้งว่าความมั่นคงของเกาะไต้หวัน ขึ้นอยู่กับตัวไต้หวันเองการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ ในปีนี้ไต้หวันจัดงบประมาณ ไว้คิดเป็น 2.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยจีนแผ่นดินใหญ่ไม่เคยปฏิเสธการใช้กำลังเพื่อรวมชาติกับไต้หวัน ขณะที่ประธานาธิบดีไล่ ชิง เต๋อ ของไต้หวัน กล่าวไว้ว่า มีเพียงชาวไต้หวันเท่านั้นที่สามารถตัดสินอนาคตของพวกเขา ทั้งนี้ไต้หวันเคยเสนอที่จะเจรจากับจีนหลายครั้งแต่ถูกปฏิเสธ
สำหรับสหรัฐถือผู้สนับสนุนและผู้ค้าอาวุธที่สำคัญที่สุดของไต้หวัน นอกจากนี้แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ แต่ทางสหรัฐมีข้อผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องจัดหาวิธีการป้องกันเกาะไต้หวัน
ทั้งนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้ทำให้รัฐบาลจีนไม่พอใจด้วยความเห็นที่แสดงท่าทีว่าสหรัฐ จะปกป้องไต้หวันหากถูกโจมตีจากจีน ซึ่งถือเป็นเปลี่ยนจุดยืนที่สหรัฐ ยึดถือมานานในการใช้ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์ต่อช่องแคบไต้หวัน
อย่างไรก็ตามที่ปรึกษาของทรัมป์กล่าวเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมว่า ไต้หวันจำเป็นต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมอย่างมาก เพื่อรับมือกับการรุกรานที่อาจเกิดขึ้นจากจีน นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของสหรัฐต่างจากที่สหรัฐมีกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ไต้หวันและสหรัฐไม่มีข้อตกลงการป้องกันอย่างเป็นทางการ โดยสนธิสัญญาฉบับก่อนหน้านี้ถูกยกเลิกในปี 1979 เมื่อสหรัฐเปลี่ยนสถาปนาการทูตให้กับจีนแผ่นดินใหญ่