ผู้นำเดโมแครตตบเท้าหนุนแฮร์ริส ‘เพโลซี-โอบามา’ ยังเงียบ ยอดบริจาคสู้ศึกเลือกตั้งพุ่ง 1.7 พันล้าน
สมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวนมาก รวมถึงประธานพรรคเดโมแครตในทุกรัฐของสหรัฐ ออกมาประกาศจุดยืนสนับสนุนการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศถอนตัวออกจากสนามแข่งขันในวันที่ 21 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่น
รายงานข่าวระบุว่า ประธานพรรคเดโมแครตจากรัฐต่างๆ 50 คน ได้จัดการประชุมทางโทรศัพท์หลังการประกาศลาออกของไบเดน เพื่อให้การสนับสนุนผู้สมัครที่มีประวัติว่าจะสามารถเอาชนะการเลือกตั้งที่ยากลำบาก และผู้นำที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในประเด็นที่มีความสำคัญสำหรับชาวอเมริกัน อาทิ เสรีภาพในการมีบุตร การป้องกันความรุนแรงจากปืน การคุ้มครองการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และการเสริมสร้างเศรษฐกิจขึ้นใหม่ บุคคลนั้นก็คือรองประธานาธิบดีแฮร์ริส
ท่าทีดังกล่าวสอดคล้องกับสมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนที่ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนแฮร์ริสอย่างรวดเร็ว เพราะกรอบเวลาในการรณรงค์เลือกตั้งที่เหลือเวลาอีกเพียงร้อยวันเศษก่อนจะถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน ทำให้พวกเขาต้องรีบตัดสินใจ แม้จะยังคงมีข้อสงสัยมากมายภายในพรรคว่าแฮร์ริสจะสามารถเอาชนะทรัมป์ได้หรือไม่จะยังคงมีอยู่ก็ตาม
สมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนเสนอแนะว่า พรรคควรจัดการเลือกตั้งขั้นต้นแบบเล็กๆ ก่อนการประชุมใหญ่ในเดือนสิงหาคมจะมาถึง อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และนางฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ก็ออกมาสนับสนุนแฮร์ริสแล้ว
ขณะที่สมาชิกรุ่นใหญ่ของพรรคอย่างนางแนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ยังไม่ได้ออกมาประกาศให้การสนับสนุนนางแฮร์ริสแต่อย่างใด
ActBlue เว็บไซต์ซึ่งเป็นช่องทางการบริจาคเงินให้กับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตระบุว่า มีการบริจาคเงินเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากไบเดนประกาศถอนตัวออกจากการแข่งขัน
ActBlue ระบุว่า ผู้บริจาครายย่อยได้ช่วยระดมทุนมากถึง 27.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 900 ล้านบาทภายใน 5 ชั่วโมงแรกสำหรับการรณรงค์หาเสียงของรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนรากหญ้ามีพลังและตื่นเต้นที่จะสนับสนุนแฮรริสให้ได้เป็นผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต
ขณะที่ล่าสุดยอดการระดมทุนให้กับการลงสมัครของแฮร์ริสเมื่อเวลา 21.00 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ยอดบริจาคได้พุ่งขึ้นเป็นเกือบ 47 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.7 พันล้านบาทแล้ว
