สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า แฟนๆ ของฮารูกิ มูราคามิ นักเขียนนวนิยายชื่อดังระดับโลกชาวญี่ปุ่นแห่กันมาเข้าแถวตามร้านหนังสือหลายแห่งในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเมื่อคืนวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เพื่อรอจับจองเป็นเจ้าของผลงานชิ้นใหม่ของมูราคามิ
ร้านหนังสือใหญ่ๆ หลายแห่งได้จัดงานตอนกลางคืนและเปิดตลอดช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อรองรับการออกวางจำหน่ายของ “คิลลิ่ง คอมเมนทาดอเร” นวนิยายเล่มใหม่ของมูราคามิ ในเวลา 00.00 น. หรือหลังเที่ยงคืนของวันที่ 23 ย่างเข้าสู่วันที่ 24 กุมภาพันธ์
มีแฟนหนังสือหลายสิบคนมาเข้าแถวรอที่หน้าร้านคิโนะคุนิยะสาขาใหญ่ ในย่านชินจูกุ กลางกรุงโตเกียวตั้งแต่ช่วงก่อนเที่ยงคืน เพื่อรอเป็นรายแรกๆ ที่จะได้เป็นเจ้าของนวนิยายเรื่องนี้
นิยายของมูราคามิได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากกว่า 40 ภาษา ส่วนใหญ่เป็นการเล่าเรื่องราวในโลกจินตนาการ แต่ในอีกหลายเรื่อง เวทมนตร์ก็ถูกแทนที่ด้วยความเป็นจริง
แต่รายละเอียดของนวนิยายเรื่องล่าสุดถูกเก็บไว้เป็นความลับก่อนหน้าที่จะออกวางจำหน่าย เป็นการเพิ่มความคาดหวังในหมู่แฟนๆ พันธุ์แท้ของมูราคมิที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า “ฮารูกิสต์”
โฆษกของสำนักพิมพ์ชินโจฉะ ที่เป็นผู้ตีพิมพ์จำหน่ายนิยายเรื่องนี้ของมูราคามิระบุว่า “ผู้เขียนบอกกับเราว่าต้องการให้นักอ่านสัมผัสกับหนังสือและค่อยๆ ค้นพบมันโดยที่ไม่รู้อะไรมาก่อนเลยจนกระทั่งหนังสือได้รับการตีพิมพ์ แม้แต่ในสำนักพิมพ์เองก็มีน้อยคนที่ได้เข้าถึงหนังสือก่อน”
ข่าวระบุว่า เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่สื่อ นักวิจารณ์และนักอ่านทั่วโลก ยกให้มูราคามิ วัย 68 ปี เป็นตัวเก็งอันดับต้นๆ ที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรรณกรรม โดยชินโจฉะตีพิมพ์นวนิยายเรื่องล่าสุดของมูราคามิที่มี 2 เล่ม รวมแล้วหนา 2,000 หน้า ออกมา 1.3 ล้านชุดในภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากคาดหมายไว้ล่วงหน้าว่าจะมียอดขายถล่มทลาย ทั้งนี้ ยังไม่มีกำหนดการที่จะแปลนวนิยายเรื่องนี้เป็นภาษาอื่นได้รับการประกาศออกมาแต่อย่างใด
สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคถึงกับมีการออกอากาศสารคดีว่าด้วยเรื่องปรากฏการณ์มูราคามิเป็นเวลา 2 ชั่วโมงเมื่อคืนวันที่ 23 กุมภาพันธ์
มูราคามิ กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกจากนวนิยายเรื่อง “นอร์วีเจี้ยน วู้ด” (ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย) เมื่อปีพ.ศ.2530 และมีผลงานนวนิยายระดับเบสต์เซลเลอร์อีกหลายชิ้น รวมถึง “1Q84” และ “คาฟกา ออน เดอะ ชอร์” (คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ)
นอกจากนี้ มูราคามิเป็นคนที่ค่อนข้างรักษาความเป็นส่วนตัวสูง ปรากฏตัวในที่สาธารณะน้อยครั้ง งานเขียนของเขามีลักษณะเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเปลี่ยวเหงาและล่องลอยของชีวิตในยุคสมัยใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีต และมีการอ้างอิงถึงวัฒนธรรมป็อปบ่อยครั้ง ขณะที่บางส่วนในญี่ปุ่นวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผลงานของมูราคามิเป็นนามธรรมมากไปและมีอิทธิพลของตะวันตกชัดเจน
