ที่มา | นสพ. มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ชาลิสสา สุขเอี่ยม |
เผยแพร่ |
เบนจามิน เนทันยาฮู: สู้เพื่อใคร?
เมื่อวันที่ 1 กันยายน ชาวอิสราเอลกว่าครึ่งล้านคนลงถนนประท้วงนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนื่องจากไม่พอใจที่รัฐบาลล่าช้าในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกัน ส่งผลให้มีตัวประกัน 6 รายเสียชีวิต อย่างไรก็ดี ความโกรธเคืองของชาวอิสราเอลดูเหมือนว่าจะไม่สะเทือนเนทันยาฮูแต่อย่างใด
เขายืนยันในการได้มาซึ่งเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดฮามาสให้สิ้นซาก และให้อิสราเอลเป็นผู้ควบคุมระเบียงฟิลาเดฟีโดยอ้างว่าเป็นช่องทางที่ฮามาสใช้เพื่อลักลอบขนอาวุธ ทั้งนี้ เนทันยาฮูกำลังทำเพื่อปกป้องความมั่นคงของอิสราเอลหรือเพื่อตนเองกันแน่?
จากเหตุการณ์ฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ลั่นคลอนภาพลักษณ์แข็งกร้าวของผู้นำสายเหยี่ยว เพื่อกอบกู้ในเรื่องนี้ นโยบายในการรับมือกับฮามาสในลักษณะสุดโต่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
อีกหนึ่งข้อสังเกตคือ ในกรณีที่ข้อตกลงหยุดยิงสมบูรณ์ สหรัฐอาจจะชะงักการให้ความช่วยเหลือทางทหารกับอิสราเอล ซึ่งจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ในขณะเดียวกัน การที่สหรัฐเป็นพันธมิตรและผู้ส่งอาวุธสำคัญนั้น ส่งเสริมมุมมองว่าอิสราเอลมีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ และหล่อเลี้ยงความขัดแย้งที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องต่อไป
นอกจากนี้ สงครามเป็นไม้สักชั้นดีที่ทำให้เก้าอี้นายกฯของเนทันยาฮูเข้มแข็ง และทำให้อำนาจในการตัดสินในเรื่องนโยบายต่างๆ ของประเทศอยู่ที่เขาเพียงผู้เดียวด้วย
การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงก็เปรียบเสมือนชัยชนะของฮามาส และเป็นความพ่ายแพ้ของเนทันยาฮู มาตรการความรุนแรงไม่สามารถกำราบฮามาสได้ แต่ยิ่งกลับทำให้อุดมการณ์ของฮามาสสุดโต่งมากขึ้น รวมถึงทำให้สงครามยืดเยื้อต่อไป ผู้สูญเสียที่แท้จริงในเรื่องนี้ไม่พ้นผู้บริสุทธิ์ที่เป็นเหยื่อของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นชาวปาเลสไตน์หรือชาวอิสราเอลเอง