‘สถานทูตจีน’ เลี้ยงส่งข้าราชการไทยรุ่น 19 คว้าทุนไปเรียน ‘ปักกิ่ง’ – ‘พินิจ’ ปลื้มโอกาสสำคัญ ได้เรียนรู้ในมหานครที่ไม่ธรรมดา
เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เขตดินแดง กรุงเทพฯ มีการจัดงานต้อนรับ เนื่องในงานปฐมนิเทศหลักสูตรภาษาจีนสําหรับข้าราชการต่างประเทศ รุ่น 19 ประจำปี 2567 จำนวน 39 ทุน พร้อมเลี้ยงส่งก่อนเดินทางเยือนประเทศจีน ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติร่วมงานอย่างล้นหลาม
นำโดย นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานสภาวัฒนธรรมไทย – จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตของสถานทูตจีนประจำประเทศไทย, นางพัน จิ่น อัครราชทูตที่ปรึกษา (กิจการกงสุล), นางฉาง ยู่เหมิง อัครราชทูตที่ปรึกษา (กิจการวัฒนธรรม), นายสวี จิ้นซง ที่ปรึกษา, นางสวี่หลาน ที่ปรึกษา และหลาน ตุงหมิ่น ผู้อำนวยการกองกลางจากสถานเอกอัครราชทูต เป็นต้น
สืบเนื่อง สถาบันพระปกเกล้า สภาวัฒนธรรมไทย – จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ ร่วมด้วย สถาบันภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง ดำเนินความร่วมมือจัดการอบรม “หลักสูตรภาษาจีนกลางสำหรับข้าราชการ” เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาจีนกลางให้กับข้าราชการรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเล และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย
โดยทั้ง 3 หน่วยงาน ร่วมดำเนินการคัดเลือกและสนับสนุนให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ เข้ารับการศึกษาทั้งผ่านระบบออนไลน์ และศึกษา ณ สถาบันภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน นับตั้งแต่ปี 2562 จนถึงรุ่นปัจจุบัน รวมทั้งสิน 256 คน
บรรยากาศเวลา 11.30 น. เข้าสู่ พิธีการงานเลี้ยงส่งนักเรียนโครงการการอบรมหลักสูตรภาษาจีนกลาง บรรยากาศเต็มไปด้วยแขกผู้ใหญ่จากทางเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย พร้อมด้วย ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานรัฐ ผู้ได้รับการคัดเลือกในการไปอบรมหลักสูตรภาษาจีนกลาง ณ ปักกิ่ง โดยมีการจัดเลี้ยงอาหารจำนวน 9 โต๊ะ พร้อมทั้งมีการเปิดเพลงประกอบในงานเลี้ยงข้าราชการ รวมถึงมีการฉายวีดิทัศน์สะท้อนเอกลักษณ์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งในแง่มุมสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม ภาษา และอาหาร ระหว่างการร่วมรับประทานอาหาร
จากนั้น นายอู๋ จื้ออู่ กล่าวว่า รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีการจัดงานเลี้ยงส่งนักเรียนโครงการอบรมหลักสูตรภาษาจีนกลาง ณ ที่แห่งนี้ ข้าพเจ้าในนามสถานเอกอัครราชทูตจีน ขอขอบคุณนายพินิจ จารุสมบัติ สภาวัฒนธรรมไทย-จีน และสถาบันพระปกเกล้า ที่สร้างคุณุปการให้กับความสัมพันธ์จีน-ไทยมาโดยตลอด และขอแสดงความยินดีกับผู้เข้าอบรมทุกท่านที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน
หลายปีที่ผ่านมา สำนักงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเลของประเทศจีนได้มอบหมายให้ มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมจีนปักกิ่ง โดยร่วมมือกับสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และสถาบันพระปกเกล้า จัดโครงการอบรมภาษาจีนสำหรับข้าราชการต่างประเทศ ซึ่งได้ส่งข้าราชการไทยเดินทางไปศึกษาที่ประเทศจีนมาแล้วหลายร้อยคน โดยข้าราชการเหล่านี้ได้กลายเป็นบุคคลากรดีเด่นในการส่งเสริมความร่วมมือด้านต่างๆ ในความสัมพันธ์จีน-ไทย ซึ่งปีนี้มีผู้อบรมเข้าร่วมโครงการอีกหลากหลายคนและทุกคนกำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อที่ ’ปักกิ่ง‘ ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออวยพรให้ทุกท่าน ประสบความสำเร็จในการเดินทางครั้งนี้
“การพัฒนาของประเทศจีนไม่สามารถแยกออกจากโลกได้ และการเจริญเติบโตของโลกก็ต้องการประเทศจีนเช่นกัน ประเทศจีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุด และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับโลกด้วยการพัฒนาของตนเองอย่างสม่ำเสมอ” นายอู๋กล่าว
นายอู๋กล่าวต่อว่า ไม่นานมานี้ เพื่อนมิตรชาวไทยได้ให้ความสำคัญกับการประชุมเต็มคณะ ของ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งการประชุมได้อนุมัติว่าด้วยการพัฒนาความทันสมัยแบบจีน และการปฏิรูปเชิงลึกอย่างถ้วยหน้าต่อไป อันเป็นการวางแผนงานในการพัฒนาและปฏิรูปเชิงลึกในทุกๆ ด้านของจีน ซึ่งมีการเสนอมากกว่า 300 มาตรการ อันมีความหมายอย่างลึกซึ้งต่อการพัฒนาความทันสมัยแบบจีน และเพิ่มความมั่นใจให้กับสถานการณ์โลกที่กำลังสับสนแปรปรวน สร้างโอกาสการพัฒนาเพิ่มขึ้น และสร้างแรงผลักดันเพื่อพัฒนามนุษยชาติให้เจริญก้าวหน้าจากประเทศจีนได้มากยิ่งขึ้น
“จีน-ไทยเป็นเพื่อนบ้าน เพื่อนมิตรและญาติมิตรที่ดีต่อกัน ปี 2022 ประธานธิบดี สี จิ้นผิง เยี่ยมเยือนประเทศจีน ทั้งสองประเทศประกาศร่วมกันสร้างประชาคมร่วมกันระหว่างจีน-ไทย
อันเป็นการชี้ชัดให้เห็นทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ณ ปัจจุบัน แนวโน้มการพัฒนาความร่วมมือระหว่างจีน-ไทย มีความแข็งแกร่ง ความเป็นมิตรของประชาชนทั้ง 2 ประเทศแน่นแฟ้นอย่างยิ่ง
ปีหน้าจะเป็นมีครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศได้ก้าวสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เราพร้อมที่จะร่วมกับเพื่อนมิตรชาวไทยทุกๆ วงการ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือเชิงลึกในทุกๆ ด้าน สนับสนุนซึ่งกันและกัน ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ให้ความสัมพันธ์จีน-ไทยแน่นแฟนยิ่งขึ้น” นายอู๋กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน นายพินิจ จารุสมบัติ กล่าวว่า ไม่มีสถานทูตประเทศใดที่มีน้ำใจ ความเป็นมิตร และความร่วมมือ มากเท่าสถานทูตจีนประจำประเทศไทย และเหนือสิ่งอื่นใด เหนือกว่าความจริงใจ เหนือกว่าความร่วมมือคือ ‘ความเป็นมิตรแท้ตลอดกาลของไทย-จีน‘ ประชาชนไทยเรา ไม่ว่าเราจะเผชิญกับภัยพิบัติ เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ด้านภัยธรรมชาติ จีน เป็นสถานทูตที่มีความเป็นห่วงเป็นใย ออกแถลงการณ์ มีการนำสิ่งของหรือข้าวของไปช่วยเหลืออันดับแรก
“เรามีสถาบันพระปกเกล้าเป็นพันธมิตรในการบริหารจัดการในเรื่องทุนการศึกษาภาษาจีน ณ ปักกิ่ง ทุนการศึกษาโครงการนี้ เป็นทุนการศึกษาภาษาต่างประเทศ ที่ทางสภาวัฒนธรรมไทย – จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ เราร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า และสถานทูตจีน”
สำหรับสถาบันพระปกเกล้า มีการรายงานเข้าที่ประชุมของสถาบันในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐสภา ที่มีคณะของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ก็ได้มีการรายงานต่อที่ประชุมให้รับทราบ ความต่อเนื่องของโครงการนี้ ก็ได้รับคำชมเชยกับประธานรัฐสภา ถึงคณะกรรมการของสถาบันพระปกเกล้า เป็นอย่างมาก
“ถึงขนาดนายวันมูหะมัดนอร์ ได้เอ่ยปากกับผมว่า ในปีหน้าท่านจะขอ 4 ทุนให้กับ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสตูล จังหวัดละ 1 ทุน” นายพินิจเผย
นายพินิจกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัด 4 ชายแดนภาคใต้ จะเป็นทุนคัดเลือกเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ซึ่ง นายวันมูหะมัดนอร์ก็อยากจะให้ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เรียนรู้ภาษาจีนซึ่งจะมีประโยชน์มากๆ นี่คือผลของโครงการนี้ที่มันขยาย มีประสิทธิภาพ มีขีดความมั่นใจ พูดง่าย ๆ คือมีความต้องการเพิ่มขึ้น
“ถ้าไม่ต้องการ ประธานรัฐสภาจะเอ่ยปากขอทุนได้อย่างไร มันมีความต้องการการพัฒนาการขยายตัวของการที่จะเน้นภาษาจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผมขอแสดงความยินดีกับทุกท่าน เป็นเรื่องดีมากๆ เป็นข่าวดีจริงๆ” นายพินิจกล่าว
นายพินิจกล่าวต่อว่า สถาบันการศึกษา เป็นสถาบันที่มีเกียรติ เป็นสถาบันที่มีความอบอุ่น มีมิตรไมตรี ต่อนักศึกษาชาวต่างประเทศ
“ผมขอเรียนพวกเราว่า โชคดีมาก ที่ได้ไปเรียนที่มหานครปักกิ่ง ปักกิ่งก็เป็นทัพใหญ่ของโลก เป็นอภิมหานครที่ใหญ่มาก ตั้งแต่สมัยโบราณ ในอดีตที่ผ่านมามีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร แต่ก็มีตำนานต่างๆ เยอะมาก
“ในสมัยผมเป็นหนุ่ม ปักกิ่งคือ นครแห่งความหลัง ดังมาก มีตำรา มีเรื่องเล่าขานที่ยิ่งใหญ่ ข้าราชการได้ไปศึกษาที่มหานครที่ยิ่งใหญ่นี้ ก็เป็นเกียรติประวัติในชีวิตของพวกท่าน เพราะฉะนั้นท่านต้องทำความดี วันนี้ท่านเป็นรุ่นพิเศษ ไม่ใช่ท่านไปเรียนธรรมดา เป็นนายร้อย นายพัน นายอะไรต่างๆ เป็นข้าราชการ มีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ได้มาเรียนอย่างเดียว ต้องไปหาความรู้ ไปหาประสบการณ์ หาอะไรต่างๆ”
“สิ่งสำคัญในโครงการนี้คือความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ให้แน่นแฟ้น ลึกซึ้ง หนักแน่นมากขึ้น อยู่ที่พวกเราทุกคนที่ต้องช่วยกัน คนละไม้คนละมือ ลงทุนคนละนิดคนละหน่อย มิตรภาพก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้น มูลค่าก็เพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้น จะทำอะไรก็คิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อย่าให้เกิดความเสียหาย อย่าให้เกิดปัญหา”
“แต่ละรุ่นที่ผ่านมานั้นก็เรียนได้ดีมาก คุณครู อาจารย์ก็มีความประทับใจ แล้วก็รัก ตามมาถึงเมืองไทย กอดกันกลมน้ำตาไหลเลย แสดงความรักความผูกพันดีมาก นักศึกษา นักเรียน ข้าราชการของประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ดี เป็นที่มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย มีคุณธรรม มีน้ำใจ มีความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะว่ามหานครปักกิ่งไม่ใช่มหานครธรรมดา” นายพินิจ กล่าว
นายพินิจกล่าวต่อว่า ปักกิ่งเวลาหน้าหนาว ก็หนาวมาก เวลาหน้าร้อนก็ร้อน มีทุกฤดู มีใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้ผลิ ดังนั้นเราไปหาประสบการณ์ ไปเรียนรู้ ซึ่งการเตรียมตัวเป็นเรื่องที่ดีมาก อาจจะถามรุ่นก่อนๆ หรือถามคนที่รู้ว่า การใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ให้ประสบความสำเร็จ ทำอย่างไรให้รอดปลอดภัยจากโรคภัย ไข้เจ็บ แล้วการเรียนการสอนต้องเตรียมตัวอย่างไร
“การจะเรียนให้ประสบความสำเร็จ ต้องมีเทคนิคอย่างไร รุ่นพี่ๆ ที่ผ่านมาแล้วถามเขา เราจะได้กำไร การเตรียมตัวก่อนเป็นเรื่องที่ดีอย่างน้อย ชนะไปแล้ว 30% 40% คนที่ต้องการไปเรียนแล้วมาบอกผมว่า ‘ฉันอยากไป’ ผมจะให้เลย นั่นคือความตั้งใจที่สำคัญ”
“เราต้องพัฒนาตัวเอง ให้เก่ง ต้องปรับตัวได้ สู้เขาได้ เป็นมิตรกัน จับมือด้วยกัน แสวงหาความสำเร็จและชัยชนะร่วมกัน นี่คือเรื่องที่ถูกต้อง” นายพินิจชี้
นายพินิจกล่าวต่อว่า เราต้องใช้หลักเหตุและผล รู้เขารู้เรา ขอขอบคุณทางรัฐบาลจีนที่ดำเนินโครงการนี้ แล้วแบ่งปันมาให้กับคนไทย ผ่านการสนับสนุนก็ดี อีกทั้ง ยังมีที่เซี่ยเหมินอีก 60 คนต่อปี ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งก็ 40 คนต่อปี ที่เซี่ยเหมินจะผ่านสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน แต่ที่มหานครปักกิ่งผ่านที่สภาวัฒนธรรมไทย-จีน
“ก็ถือว่ารัฐบาลจีน ได้ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือทางด้านการศึกษานี้ ต่อไปนี้จะมีทุนอื่นๆ อีกเยอะ เช่นเดียวกัน ผมก็พัฒนา มหาวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศไทย ให้ทุนกับนักเรียนจีน และกับเด็กจีนที่มาเรียนในประเทศไทย เช่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง” นายพินิจกล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายพินิจ พร้อมด้วยอัครราชทูตจีนฯ และคณะ ยังร่วมบันทึกภาพหมู่ร่วมกัน พร้อมเดินมาทักทายผู้มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น