‘อัลเบร์โต ฟูจิโมริ’ อดีตปธน. เปรู เสียชีวิตในวัย 86 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายอัลเบร์โต ฟูจิโมริ อดีตประธานาธิบดีเปรู ผู้ที่สามารถทำให้เศรษฐกิจของเปรูเติบโตได้ในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 20 แต่ถูกจำคุกเนื่องในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในสงครามระหว่างรัฐบาลเปรูและกลุ่มกบฏลัทธิเหมาเซนเดโรลูมิโนโซ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 กันยายน ในวัย 86 ปี หลังจากเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน มีรายงานว่าอาการของเขาอยู่ในภาวะวิกฤต
ฟูจิโมริเป็นบุตรชายของผู้อพยพชาวญี่ปุ่น เขาเคยประกอบอาชีพเป็นอธิการบดีของมหาลัยที่เกี่ยวกับการเกษตรที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ก่อนที่จะได้รับการเลือกตั้งเมื่อปี 1990 โดยเขาสามารถทำให้ตนเองมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในฐานะนักการเมืองที่ฉลาดหลักแหลม บริหารบ้านเมืองในลักษณะลงมือทำด้วยตนเองและมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม แม้จะถูกวิจารณ์ว่ากุมอำนาจทั้งหมดไว้ที่ตัวเอง
ฟูจิโมริสามารถรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงที่ทำให้เกิดสภาวะว่างงาน ปรับบริษัทเอกชนจำนวนมากให้มีรัฐเป็นเจ้าของ ลดภาษีทางการค้า ทำให้เศรษฐกิจของเปรูมีความมั่นคั่งมากที่สุดในทวีปละตินอเมริกาในยุคหนึ่ง
อย่างไรก็ดี เขาเผชิญกับการต่อต้านจากกลุ่มเซนเดโรลูมิโนโซ ขบวนการลัทธิเหมาติดอาวุธในเปรู ที่พยายามที่จะโค่นล่มรัฐบาล เพื่อจัดการกับกลุ่มกบฏ รัฐบาลฟูจิโมริใช้กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายที่เข้มงวด และเขียนรัฐธรรมนูญตามความพึงพอใจเพื่อผลักดันการปฏิรูปเศรษฐกิจเสรี
ในปี 1992 เขาใช้รถถังของทหารปิดรอบสภา ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นเผด็จการ ยิ่งไปกว่านั้น เขามีข้อครหาในเรื่องการคอร์รัปชันในช่วงเวลาที่บริหารประเทศนานถึง 10 ปีอีกด้วย
ฟูจิโมริแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เขาสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกครั้ง ซึ่งเขาคว้าชัยชนะได้ในสมัยที่ 3 เมื่อปี 2000 อย่างไรก็ดี มีวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ออกมาแสดงให้เห็นที่ปรึกษาของเขาและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองที่กำลังให้สินบนกับนักการเมือง ส่งผลให้ฟูจิโมริต้องลี้ภัยไปที่ญี่ปุ่น และส่งใบลาออกจากตำแหน่งผ่านแฟกซ์จากญี่ปุ่น หลังจากนั้น เขาพยายามที่จะเล่นการเมืองที่ญี่ปุ่น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
หลังจากที่หัวหน้าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรายข้างต้นถูกจับกุมที่เวเนซุเนลา ฟูจิโมริเผชิญกับคดีความหลายข้อหา รวมถึงเรื่องที่เขาสั่งการให้เกิดการสังหารกลุ่มกบฏลัทธิเหมาด้วย
เมื่อปี 2005 ฟูจิโมริตัดสินใจเดินทางกลับไปที่เปรูเพื่อกลับการเล่นการเมืองอีกครั้ง แต่เขาถูกจับกุมตัวระหว่างแวะพักที่ชิลี เขาถูกส่งตัวไปที่เปรูเมื่อปี 2007 และถูกตัดสินโทษจำคุก 25 ปีเมื่อปี 2009
