สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า โครงการอาหารโลก (ดับเบิลยูเอฟพี) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชาวมาเลเซีย 2 คนเดินทางออกจากเกาหลีเหนือแล้วเมื่อวันที่ 9 มีนาคม หลังจากที่รัฐบาลมาเลเซียและเกาหลีเหนือต่างสั่งห้ามพลเมืองของอีกฝ่ายออกจากประเทศของตนหลังทั้ง 2 ชาติขัดแย้งกันในเรื่องกรณีการลอบสังหารนายคิม จอง นัม พี่ชายต่างแม่ของนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ
“ดับเบิลยูเอฟพียืนยันว่าเจ้าหน้าที่สัญชาติมาเลเซีย 2 คนของโครงการได้เดินทางออกจากเกาหลีเหนือมาถึงกรุงปักกิ่งของจีนแล้วในวันนี้” ดับเบิลยูเอฟพีระบุในแถลงการณ์ และว่า “เจ้าหน้าที่โครงการทั้ง 2 คนดังกล่าวถือว่าเป็นข้าราชการของหน่วยงานระหว่างประเทศและไม่ได้เป็นผู้แทนรัฐบาลชาติของตน”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือและมาเลเซียต่างสั่งห้ามพลเมืองของอีกฝ่ายเดินทางออกจากประเทศของตน โดยมาเลเซียระบุว่า พลเมืองของตนเองถูกเกาหลีเหนือจับเป็นตัวประกันโดยสมบูรณ์
นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซียโพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กเป็นภาษามาเลย์และภาษาอังกฤษระบุว่า ได้รับแจ้งเรื่องการปล่อยตัวชาวมาเลเซีย ทั้ง 2 คนแล้วโดยระบุว่า ทั้งคู่ปลอดภัยดีและเดินทางถึงกรุงปักกิ่งแล้ว
นอกจากนี้ นายนาจิบย้ำด้วยว่า จะไม่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับเกาหลีเหนือ และว่า รัฐบาลจะเจรจาเพื่อให้ชาวมาเลเซียทั้งหมดได้รับการปล่อยตัว แต่ยืนยันว่ามาเลเซียจะไม่ยอมให้ชาวเกาหลีเหนือออกนอกประเทศ
ด้านกระทรวงต่างประเทศมาเลเซียระบุว่า ปัจจุบันมีพลเมืองของมาเลเซีย 11 คนอยู่ในเกาหลีเหนือ โดยเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต 3 คน สมาชิกครอบครัว 6 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ 2 คนที่ทำงานให้ดับเบิลยูเอฟพีที่เพิ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางออกมา
ทั้งนี้เกาหลีเหนือและมาเลเซียมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นอย่างไม่ปกติมานานหลายปี แต่ความสัมพันธ์กลับย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็วหลังเกิดกรณีผู้หญิง 2 คนลงมือก่อเหตุสังการนายจอง นัมที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ด้วยสารเคมีร้ายแรงเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
