สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ทางการนครรอตเตอร์ดัม เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศเนเธอร์แลนด์ จำเป็นต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าสลายกลุ่มผู้ประท้วงเชื้อสายตุรกี ที่ชุมนุมกันบริเวณหน้าสถานกงสุลตุรกีเมื่อเช้าวันเดียวกันนี้ ในขณะที่ผู้ประท้วงตอบโต้ด้วยการขว้างปาขวดและก้อนหินเข้าใส่ ทำให้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น ส่งผลเกิดการจราจรติดขัดอย่างหนักจนเจ้าหน้าที่ต้องใช้ท่อฉีดน้ำแรงดันสูงและสุนัขตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ ทั้งนี้กลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนเดินทางมาชุมนุมกันอย่างสงบหลายชั่วโมงก่อนที่จะเกิดบานปลายกลายเป็นเหตุรุนแรงขึ้นมา เพื่อประท้วงการตัดสินใจของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ปฏิเสธไม่ให้เครื่องบินของ นายเมลวุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี ลงจอดในเนเธอร์แลนด์ เพื่อปราศรัยรณรงค์หาเสียงสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลตุรกีในการลงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มอำนาจให้ประธานาธิบดีในการบริหารประเทศจากบรรดาชาวตุรกีที่มีสิทธิออกเสียงซึ่งพำนักอยู่ในเนเธอร์แลนด์ราว 400,000 คน
รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ซึ่งกำหนดจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 15 มีนาคมนี้อ้างว่า การเดินทางเข้ามาหาเสียงของรัฐมนตรีตุรกีดังกล่าวอยู่ในห้วงเวลาที่ไม่เหมะสมและเป็นสิ่งซึ่งทางรัฐบาลไม่พึงปรารถนาให้เกิดขึ้นจึงไม่สามารถให้ความร่วมมือกับการรณรงค์ทางการเมืองของรัฐมนตรีตุรกีได้ ส่งผลให้เกิดการชุมนุมประท้วงดังกล่าว
นอกจากนี้ ทางการเนเธอร์แลนด์ยังขับนาง ฟาติมะ เบทุล ซายัน คายา รัฐมนตรีกิจการครอบครัวของตุรกี ที่เดินทางด้วยรถยนต์เข้าประเทศเนเธอร์แลนด์มาจากประเทศเยอรมนี โดยตำรวจดัตช์ตรวจสอบพบเมื่อรถของนางคายาเดินทางใกล้จะถึงสถานกงสุล และนายอาเหม็ด อาบูตาเลบ นายกเทศมนตรีนครรอตเตอร์ดัมบอกกับผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาว่าเมื่อเชิญตัวไปเจรจากันเป็นเวลานานหลายชั่วโมงยังไม่สามารถตกลงใดๆกันได้ รัฐมนตรีตุรกีจึงถูกขับออกนอกประเทศไปยังประเทศต้นทาง โดยย้ำด้วยว่าทางเนเธอร์แลนด์ได้แจ้งไปยังรัฐบาลตุรกีหลายครั้งแล้วว่าไม่ยินดีต้อนรับนางคายา แต่รัฐมนตรีรายนี้ก็ยังยืนกรานที่จะเดินทางมา
กระทรวงต่างประเทศตุรกีแถลงว่า เพื่อแสดงถึงความไม่พอใจต่อการกระทำของเนเธอร์แลนด์ ทางตุรกีได้ขอให้ อุปทูตเนเธอร์แลนด์ประจำตุรกี เดินทางกลับเป็นการชั่วคราว
