เมื่อวันที่ 13 มีนาคม บีบีซีรายงานว่า เด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจะถูกห้ามไม่ให้เข้าสถานรับเลี้ยงเด็ก และโรงเรียนอนุบาลภายใต้แผนการใหม่ของรัฐบาลออสเตรเลีย
ข่าวระบุว่า บางรัฐในออสเตรเลียมีกฎหมายที่เรียกกันว่า “ไม่ฉีดห้ามเล่น” นี้บัญญัติไว้อยู่แล้ว แต่นายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายดังกล่าวนี้ที่มีผลบังคับใช้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ผลสำรวจด้านสุขภาพเด็กชิ้นหนึ่งของออสเตรเลียที่สอบถามกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพ่อแม่เกือบ 2,000 รายพบว่ามีเด็ก 5 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน ซึ่งนายเทิร์นบูลระบุว่า จำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อการป้องกันที่มากกว่านี้ โดยยกตัวอย่างเด็กที่เสียชีวิตจากโรคไอกรน
“นี่ไม่ใช่เรื่องของการปฏิบัติตามทฤษฎี นี่เป็นเรื่องของความเป็นความตาย” นายเทิร์นบูลกล่าว และว่า “หากพ่อแม่บอกว่า จะไม่ให้ลูกฉีดวัคซีน พวกเขาไม่ได้เพียงแค่ทำให้ลูกของตนเองเสี่ยง แต่ยังทำให้ลูกของคนอื่นตกอยู่ในความเสี่ยงด้วย”
ปัจจุบันนี้มี 3 รัฐคือควีนส์แลนด์ นิวเซาท์เวลส์ และวิกตอเรีย ที่กำหนดให้เด็กต้องได้รับการฉีดวัคซีน หรือเข้าโครงการที่ได้รับการรับรองหากต้องการนำเด็กเข้าศูนย์รับเลี้ยง
นายแพทย์ไมเคิล แกนนอน ประธานแพทยสมาคมออสเตรเลีย ระบุว่า เด็กมีความไวในการรับเชื้อได้มากกว่า
“หากคุณเป็นพ่อแม่ และคาดว่าจะให้ชุมชนสนับสนุนช่วยเหลือคุณไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินสวัสดิการหรือการเข้าถึงการรักษา คุณก็ต้องทำในส่วนของคุณให้กับชุมชนบ้างเล็กน้อยเพื่อปกป้องเด็กๆ ของเรา” น.พ.แกนนอนกล่าว
