ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ยื่นคำร้องไปยังประธานและรองประธานกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ขอเวลาเพิ่มเติมในการรวบรวมหลักฐานมาสนับสนุนข้อกล่าวหาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ระบุว่า ฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ของเขาที่ทรัมป์ทาวเวอร์ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว
กรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรได้กำหนดเส้นตายสำหรับกระทรวงยุติธรรมที่จะยื่นหลักฐานไว้ในวันที่ 20 มีนาคม ขณะที่กรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาดูเหมือนจะไม่ได้กำหนดเส้นตายเอาไว้ โดยนายริชาร์ด เบอร์์ วุฒิสมาชิกรัฐนอร์ทแคโรไลนาจากพรรครีพับลิกัน ประธานกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาเปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมครบถ้วน และได้รับข้อมูลเกี่ยวกับข้อกล่าวอ้างเรื่องการดักฟังเพียงพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายเบอรร์ไม่ได้เปิดเผยว่าข้อมูลที่ได้รับมาสามารถสนับสนุนข้อกล่าวหาของนายทรัมป์ได้หรือไม่
นายแจ็ค แลงเกอร์ โฆษกของนายเดวิน นูเนส ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรเปิดเผยว่า “กระทรวงยุติธรรมขอเวลาเพิ่มเติมในการปฏิบัติตามคำร้องขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรณีการดักฟังโดนัลด์ ทรัมป์หรือผู้ช่วยของเขาในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เราได้ร้องขอไปยังกระทรวงยุติธรรมให้ส่งมอบข้อมูลก่อนหน้ากำหนดเปิดการไต่สวนในวันที่ 20 มีนาคม”
ทั้งนี้ นายทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยหรือให้หลักฐานใดๆ เลยหลังจากออกมากล่าวหาว่าตนถูกดักฟังโทรศัพท์เมื่อราวเกือบ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ทว่าเมื่อคืนวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา นางเคลลีแอนน์ คอนเวย์ ที่ปรึกษาของนายทรัมป์ได้ขยายวงของข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม โดยระบุว่ามีการสอดแนมทีมงานหาเสียงของนายทรัมป์ โดยใช้เตาไมเครเวฟและโทรทัศน์ แต่เธอไม่ได้ให้หลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างนี้แต่อย่างใด
ด้านอดีตประธานาธิบดีโอบามา ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ผ่านทางโฆษกประจำตัว ขณะที่นายเจมส์ แคลปเปอร์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นไอเอ) รวมถึงนายเจมส์ โคมี ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) ปฏิเสธเรื่องนี้เช่นกัน
