เปิดเบื้องหลังคลิป “หนูน้อยบุกห้องพ่อขณะสัมภาษณ์บีบีซี” ที่ชาวเน็ตแห่แชร์ไปทั่วโลก

ขอบคุณภาพจาก วอลสตรีทเจอร์นัล

“โรเบิร์ต เคลลี่” ผู้เชี่ยวชาญกิจการเอเชียตะวันออก กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเพียงชั่วข้ามคืน ไม่ใช่เพราะการให้สัมภาษณ์สดกับสำนักข่าวบีบีซี ในประเด็นการถอดถอนปาร์ค กึนเฮ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกจากตำแหน่ง จากที่บ้านในเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ แต่เป็น สถานการณ์หลุดๆที่เกิดขึ้นระหว่างการสัมภาษณ์ในครั้งนั้น

ชมคลิป

วอลสตรีทเจอร์นัล สื่อสหรัฐอเมริกา ได้สัมภาษณ์ “เคลลี่” และ “คิม จุง-เอ” ภรรยาชาวเกาหลีใต้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเคลลี่ ยอมรับว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ได้ล็อกประตูห้องเหมือนที่เคยทำ

“มันเป็นความตลกจากความผิดพลาด” เคลลี่ รองศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยปูซาน ระบุในการให้สัมภาษณ์กับวอลสตรีทเจอร์นัล

Advertisement

เคลลี่ เล่าว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ภรรยา เขาอยู่ในห้องนั่งเล่นและดูการให้สัมภาษณ์สดดังกล่าวผ่านทีวี และเพื่ออัดคลิปการสัมภาษณ์ดังกล่าวเก็บเอาไว้ ขณะที่เคลลี่เองที่ให้สัมภาษณ์ผ่านโปรแกรมสไกป์ ใส่สูทผูกเน็คไทเรียบร้อย แต่ท่อนล่างใต้โต๊ะที่อยู่นอกมุมกล้อง เคลลี่ “ใส่กางเกงยีน”

เมื่อการสัมภาษณ์เริ่มขึ้น “มาเรียน” ลูกสาววัย 4 ปี ของทั้งคู่กระโดดเข้ามาในห้องด้วยท่าทางร่าเริงอย่างเต็มที่ เคลลี่ระบุว่า นั่นเป็นเพราะ “มาเรียน” ยังคงสนุกกับปาร์ตี้วันเกิดของตัวเองที่โรงเรียนอนุบาลในวันเดียวกันนั้นเอง

ไม่เพียงเท่านั้น หลังจาก “มาเรียน” บุกเข้ามาระหว่างการให้สัมภาษณ์ ลูกชายวัย 8 เดือน ก็เดินตามเข้ามาด้วยรถหัดเดินขณะที่ คิม ภรรยา ยังคงตั้งใจอัดคลิปวิดีโอที่ห้องนั่งเล่นโดยไม่รู้เลยว่าลูกสองคนได้เข้าไปขัดจังหวะการสัมภาษณ์ของพ่อแล้ว

Advertisement

“ทันทีที่เธอเปิดประตูผมก็เห็นภาพเธอบนจอของผม” เคลลี่ระบุ และว่า “เธออารมณ์ดีสุดๆในวันนั้นเพราะที่โรงเรียนมีปาร์ตี้”

เคลลี่ ซึ่งพยายามให้สัมภาษณ์ต่อ โดยใช้มือดันลูกสาวไปยังของเล่นใกล้ๆกับที่นอน ระบุว่าตนคิดว่า บีบีซี น่าจะตัดภาพไปยังคลิปอื่นๆ หรืออาจทำให้มุมกล้องแคบลง แต่ไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อ “มาเรียน” นั่งลง “เจมส์” ลูกชายวัย 8 เดือนก็เดินตามพี่สาวเข้ามาติดๆ

“ตอนนั้นผมรู้ว่ามันจบแล้ว” เคลลี่ระบุ

ช่วงเวลานั้นเองที่ คิม ภรรยา วิ่งไสลด์ตัวเขามาในห้องอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางที่พยายามหลบมุมกล้องอย่างเต็มที่และลากลูกๆทั้งสองคนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยคิม ระบุว่า การถ่ายทอดสดทางทีวีที่มีการดีเลย์ ทำให้เธอไม่เห็นลูกเข้าไปในห้องหลายวินาที

“ปกติแล้วเขาจะล็อกประตูนะ” คิม ระบุ “ส่วนใหญ่แล้วเด็กๆจะกลับมาหาฉันหลังจากพวกเขาเห็นว่าประตูล็อก แต่ประตูไม่ได้ล็อก ฉันเห็นประตูเปิดอยู่ และนั่นกลายเป็นความยุ่งยากสำหรับฉันเลย”

ในช่วงแรกทั้งคู่รู้สึกกังวลว่านั่นอาจส่งผลกระทบกับการได้รับเลือกให้สัมภาษณ์สดผ่านสำนักข่าวต่างๆหรือไม่ เคลลี่ ตัดสินใจเขียนจดหมายขอโทษไปยัง “บีบีซี” ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทว่า หลังจากออกอากาศไป 15 นาที ผู้ออกอากาศได้ร้องขอมาว่า จะนำคลิปสัมภาษณ์ดังกล่าวเผยแพร่ผ่านอินเตอร์เน็ตได้หรือไม่ ในตอนแรก ทั้งคู่ปฏิเสธเนื่องจากไม่สบายใจที่อาจทำให้ลูกสาวเป็นตัวตลก แต่ทางผู้ออกอากาศก็โน้มน้าวว่า คลิปนั้นจะทำให้เห็นว่าครอบครัวของเคลลี่นั้นเป็นเพียงครอบครัวธรรมดาๆเท่านั้นเอง

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ชัดเจนว่าชีวิตของเคลลี่นั้นไม่ปกติอีกต่อไป เมื่อระบบเตือนของทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กของเคลลี่ เตือนขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนขณะที่ชาวเน็ตต่างแชร์ออกไปเหมือนไฟลามทุ่ง ส่งผลให้ในวันรุ่งขึ้นเคลลี่ ต้องเปิดโหมดเครื่องบินไว้เพราะอีเมล์และโทรศัพท์จากนักข่าวจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามา

“ผมทำพลาดครั้งใหญ่และทำให้ครอบครัวผมกลายเป็นดารายูทูบ มันตลกดี” เคลลี่ระบุ และว่าตนและภรรยาต้องใช้เวลาทั้งวันในการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับความสนใจที่ถาโถมเข้าหาครอบครัว

เคลลี่ อธิบายว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกผสมกันระหว่างความประหลาดใจ ความอับอาย และความขบขัน แต่ก็รวมไปถึงความรักด้วย และทั้งเคลลี่ และคิม ยืนยันว่าไม่ได้มีการดุว่าเด็กแต่อย่างใด

“ผมหมายถึงมันน่ารักอย่างมหันต์เลย” เคลลี่ระบุและว่า “ผมเห็นคลิปเหมือนทุกๆคน ภรรยาผมแก้ปัญหาที่ไม่ได้คาดคิดได้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันสนุก หากคุณดูเทปคุณจะเห็นว่าผมพยายามจะกลั้นขำไว้เหมือนกัน พวกเขาเป็นเด็กเล็กๆและนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น”

วอลสตรีทเจอร์นัล ระบุว่า เคลลี่ และคิม มีกำหนดแถลงข่าวสื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้ ที่มีความสนใจในคลิปวิดีโอดังกล่าวเช่นเดียวกัน และสิ่งสำคัญสำหรับทั้งคู่คือ ทุกๆคนสามารถหัวเราะกับวิดีโอนี้ได้ ในฐานะชีวิตครอบครัวที่ปกติธรรมดานั่นเอง

“ใช่ผมรู้สึกขายหน้า แต่ผมก็ต้องการให้ลูกรู้สึกสบายใจที่จะเข้าหาผมด้วย” เคลลี่ ระบุ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image