ตลาดหุ้นเอเชียร่วงตามวอลสตรีท-ยุโรป เหตุนักลงทุนจับตา ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย

Scott Olson/AFP

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลงเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ตามตลาดหุ้นวอลสตรีทและตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันก่อนหน้า จากการที่นักลงทุนรอคอยผลการประชุมกำหนดนโยบายของกองทุนสำรองแห่งรัฐหรือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างเป็นกังวล ขณะที่ราคาน้ำมันดีดตัวกลับขึ้นมาหลังร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อวันก่อนหน้า

ข่าวระบุว่าค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าเฟดจะไม่ตัดสินใจเป็นอย่างอื่นนอกจากปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหลังสิ้นสุดการประชุมกำหนดนโยบายเป็นเวลา 2 วัน ในวันที่ 15 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น แต่บรรดานักค้าหุ้นต่างให้ความสนใจในการแถลงข่าวของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด เรื่องแผนการที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตมากกว่า

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐหลายตัวที่แข็งแกร่งในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างขยับขึ้นในเดือนมีนาคม โดยมีปัจจัยลบเพียงแค่ความกังวลที่ยังไม่เห็นมาตรการชัดเจนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งให้สัญญาไว้ในเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อลงทุนในสาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐานและการปรับลดภาษี

โดยตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลง 0.2 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐไม่สามารถแข็งค่าได้เกินกว่าระดับ 115 เยน หลังจากที่เคยทำได้ช่วงสั้นๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนหุ้นโตชิบาร่วงลงมากกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นในเรื่องอนาคตของบริษัทในการรับมือกับการขาดทุนมหาศาล และข้อกล่าวหาว่ามีการตกแต่งบัญชีที่บริษัทลูกซึ่งดำเนินกิจการด้านพลังงานนิวเคลียร์ในสหรัฐ

Advertisement

ตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลง 0.2 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ร่วงลง 0.4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ไต้หวัน นิวซีแลนด์และฟิลิปปินส์ร่วงลงเล็กน้อย ขณะที่ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดเพิ่มขึ้น 0.3 เปอร์เซ็นต์และตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ของจีนปิดเพิ่มขึ้น 0.1 เปอร์เซ็นต์

นายเกร็ก แมคเคนนา หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของแอ็กซีเทรดเดอร์ บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนระบุว่า “ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเฟด และตลาดเชื่อว่าจะได้เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ภาษาที่นางเจเน็ต เยลเลนใช้ในแถลงการณ์ซึ่งจะเป็นร่างแผนการคร่าวๆ ของปีหน้า ซึ่งส่วนตัวคาดว่า เฟดจะส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ และ อีก 3-4 ครั้งในปี 2561”

ราคาน้ำมันทั้ง 2 ตลาดดีดตัวกลับขึ้นมาหลังร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อวันก่อนหน้าจากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า ซาอุดีอาระเบีย ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เพิ่มกำลังการผลิตเมื่อเดือนที่แล้ว ส่งผลให้เกิดข้อกังขาเรื่องพันธสัญญาในการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (โอเปค) ขณะที่การผลิตน้ำมันจากหินดินดานในสหรัฐก็ขยายตัวเช่นเดียวกัน

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมัน ฟื้นตัวขึ้นมาหลังจากร่วงลงมากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ จากข่าวที่แสดงให้เห็นว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างน่าแปลกใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 1.7 เปอร์เซ็นต์ในตลาดเอเชีบ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเพิ่มขึ้น 1.4 เปอร์เซ็นต์ในวันเดียวกันนี้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image