ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปิดบวกตามวอลสตรีทรับข่าว ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย ยุโรปทยอยเปิดขึ้นด้วย

AFP PHOTO / Behrouz MEHRI

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ปิดเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นวอลสตรีทของสหรัฐอเมริกาที่พุ่งขึ้นรับข่าวการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกองทุนสำรองแห่งรัฐหรือธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) เมื่อคืนก่อนหน้า โดยดัชนีหั่งเส็งของฮ่องกงปิดเพิ่มขึ้น 2.1 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีนเพิ่มขึ้น 0.8 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ดัชนีนิกเคอิของญี่ปุ่นปิดเพิ่มขึ้น 0.1 เปอร์เซ็นต์ ฟื้นตัวจากการร่วงลง 0.1 เปอร์เซ็นต์หลังปิดการซื้อขายภาคเช้า จากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ส่งผลในทางลบต่อบรรดาผู้ส่งออกของญี่ปุ่น แต่ได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประเมินว่าเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในสภาวะที่แข็งแกร่งมาชดเชย

ตลาดหุ้นกรุงโซลของเกาหลีใต้ปิดเพิ่มขึ้น 0.8 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นซิดนีย์ของออสเตรเลียปิดเพิ่มขึ้น 0.2 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดเพิ่มขึ้น 0.8 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดหุ้นเวลลิงตันของนิวซีแลนด์ ไทเปของไต้หวัน จาการ์ตาของอินโดนีเซีย และมะนิลาของฟิลิปปินส์ต่างปิดเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

ขณะที่ฝั่งยุโรปวันเดียวกันนี้ต่างมีผลงานช่วงเปิดตลาดอยู่ในแดนบวก โดยดัชนีเอฟทีเอสเอสอี100 ตลาดหุ้นลอนดอนของอังกฤษเปิดเพิ่มขึ้น 0.7 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีแด็กซ์30 ตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนีเปิดทะยานขึ้น 1.2 เปอร์เซ็นต์ และดัชนีซีเอซี40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 0.8 เปอร์เซ็นต์

ด้านตลาดหุ้นวอลสตรีทของสหรัฐเมื่อคืนก่อนหน้า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 0.5 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดเพิ่มขึ้น 0.8 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีแนสแด็กปิดเพิ่มขึ้น 0.7 เปอร์เซ็นต์

Advertisement

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 เปอร์เซ็นต์ตามคาด นับเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง แต่นับเป็นครั้งที่ 3 เท่านั้นในรอบ 1 ทศวรรษ พร้อมกับระบุว่าอัตราเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้เป้าหมาย 2 เปอร์เซ็นต์ที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดระบุว่า บรรดาผู้กำหนดนโยบายยังไม่ได้หารือกันว่านโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์จะส่งผลต่อเศรษฐกิจหรืออัตราเร็วในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตหรือไม่อย่างไร รวมถึงปฏิเสธว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับฝ่ายบริหารของนายทรัมป์แต่อย่างใด

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ลงมติให้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ระหว่าง 0.75-1.0 เปอร์เซ็นต์ โดยมีผู้ลงมติคัดค้าน 1 เสียง คือนายนีล คาชคารี ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิส

Advertisement

แถลงการณ์ของเอฟโอเอ็มซีระบุว่า อัตราเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้เป้า 2 เปอร์เซ็นต์ที่เฟดวางไว้ และตลาดแรงงานยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวด้วยอัตราเร็วพอประมาณ

นับเป็นอีกครั้งที่เอฟโอเอ็มซีระบุว่า คาดว่าพัฒนาการทางเศรษฐกิจดังกล่าวจะดำเนินต่อไป และจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยทีละเล็กน้อยเท่านั้น

และแม้นางเยลเลนจะระบุว่านโยบายที่กระตุ้นอัตราการเติบโตอาจทำให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่เธอเปิดเผยในการแถลงข่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังคงต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

ในรายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจรายไตรมาส คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดทำนายว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 1.4 เปอร์เซ็นต์ ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหมายถึงจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีการปรับขึ้นขึ้นในเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคม รวมถึงคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 2 ครั้งมาอยู่ที่ 2.1 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในรายงานสรุปการคาดการณ์เศรษฐกิจ (เอสอีพี) ฉบับก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

ขณะที่ส่วนอื่นๆ ในรายงานเอสอีพีรายไตรมาสฉบับใหม่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน โดยคณะกรรมการเฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะโต 2.1 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้และปีหน้า ขณะที่อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image