ทำเนียบขาวยกเลิกคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือ โฆษก รบ.ยันยังมีผลบังคับใช้ โบ้ยศาลทำวุ่น
รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 29 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากคำสั่งดังกล่าวก่อให้เกิดความสับสนและการท้าทายทางกฎหมายทั่วประเทศภายในเวลาไม่ถึงสองวัน แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐยังคงยืนกรานว่าพวกเขายังคงมีแผนการที่จะตัดงบประมาณต่อไป
สำนักงานงบประมาณของทำเนียบขาวแจ้งต่อหน่วยงานของรัฐบาลกลางว่า ได้ยกเลิกบันทึกที่สั่งให้หยุดจ่ายเงินช่วยเหลือและเงินกู้แล้ว โดยคำสั่งใหม่นี้ออกมาไม่นานก่อนที่ศาลรัฐบาลกลางจะพิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดของรัฐได้ยื่นฟ้อง เพื่อพยายามยุติการระงับการจ่ายเงินดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่าการเพิกถอนคำสั่งเป็นความพยายามที่จะเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม จอห์น แมคคอนเนลล์ ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐ ยืนยันว่าจะยังคงพิจารณาคดีต่อไป โดยเขาต้องการที่จะระงับการระงับเงินช่วยเหลือของรัฐบาลเป็นการชั่วคราว แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีคำตัดสินในทันทีก็ตาม
การพิจารณาคดีเสมือนจริงที่เมืองพรอวิเดนซ์ รัฐโรดไอแลนด์ แมคคอนเนลล์ ผู้ได้รับการแต่งตั้งในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่ารัฐต่างๆ ได้โน้มน้าวให้เขาเชื่อว่า ผลกระทบที่ไม่เหมาะสมของคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือซึ่งถูกยกเลิกไปแล้วจะยังคงดำเนินต่อไป และจะไม่เปลี่ยนแปลงตามความคิดเห็นของโฆษกทำเนียบขาว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันว่า แม้จะเกิดความสับสน แต่การดำเนินการเพื่อปรับลดงบประมาณยังคงมีผลตามที่ตั้งใจไว้ พร้อมย้ำเตือนหน่วยงานรัฐบาลให้ปฏิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดี
คาโรลีน เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า คำสั่งบริหารที่ออกโดยประธานาธิบดีเกี่ยวกับการทบทวนการใช้จ่ายยังคงมีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่และจะต้องมีการดำเนินการอย่างเคร่งครัดโดยทุกหน่วยงาน พร้อมกล่าวโทษความสับสนที่เกิดขึ้นว่าเป็นผลจากการตีความของศาลและสื่อ ไม่ใช่จากการกระทำของรัฐบาล
“การดำเนินการนี้ควรจะช่วยยุติคดีในศาล และทำให้รัฐบาลสามารถมุ่งเน้นไปที่การบังคับใช้คำสั่งของประธานาธิบดี ในการควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง” เลวิตต์กล่าว
คำสั่งที่มีข้อความไม่ชัดเจน การหยุดชะงักทางกฎหมาย และการยกเลิกคำสั่งนี้ในที่สุดทำให้เกิดความสับสนและความกังวลจากองค์กรต่างๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ด้านฝ่ายบริหารอ้างว่าการระงับการใช้งบประมาณดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อให้มีเวลาสำหรับการพิจารณาและระงับเงินทุนสำหรับโครงการต่างๆ ที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามจะยกเลิก ตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่ง เช่น ความพยายามในการส่งเสริมความหลากหลาย พลังงานสีเขียว และความช่วยเหลือจากต่างประเทศอีกมากมาย
ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวว่า “เราเพียงแค่มองไปที่ระบบราชการส่วนใหญ่ที่มักมีการฉ้อโกงและละเมิด”
การกลับลำนี้เป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าจะสามารถควบคุมองคาพยพทางการเมืองในวอชิงตันแบบเบ็ดเสร็จ แต่แผนการของทรัมป์ในการปรับโครงสร้างรัฐบาลอย่างรวดเร็วและรุนแรงก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
ขณะที่การพลิกท่าทีดังกล่าวถือเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าตกตะลึงครั้งล่าสุดของทรัมป์ หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม เขาได้ระงับความช่วยเหลือจากต่างประเทศจำนวนมาก ยกโทษให้ผู้สนับสนุนที่ก่อจราจลในรัฐสภาสหรัฐ และเสนอเงินเดือนให้เปล่าเพื่อจูงใจให้เจ้าหน้าที่พลเรือนของรัฐบาลกลาง 2 ล้านคนลาออก
การเปลี่ยนทิศทางของทำเนียบขาวทำให้สมาชิกสภาคองเกรสตกใจ โดยเฉพาะพันธมิตรของทรัมป์ในพรรครีพับลิกันที่ได้ปกป้องเขาตลอดช่วงเวลาสั้นๆ ดังกล่าว
คำสั่งระงับการใช้จ่ายมีกำหนดจะเริ่มมีผลในเวลา 17.00 น. วันอังคารที่ 28 มกราคม แต่ได้รับการระงับโดยผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางไปก่อนหน้านี้จนถึงอย่างน้อยวันจันทร์หน้า หลังจากที่มีการขอให้มีการพิจารณาคดีฉุกเฉินจากกลุ่มองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง นอกจากนี้ยังมีการฟ้องร้องเพิ่มเติมจากอัยการทั่วไปของรัฐที่มาจากพรรคเดโมแครต
พรรคเดโมแครตที่คัดค้านคำสั่งดังกล่าวออกมาแสดงความยินดีต่อการยกเลิกคำสั่งนี้ โดยแพ็ตตี้ เมอเรย์ วุฒิสมาชิกจากรัฐวอชิงตันกล่าวว่า นี่คือชัยชนะที่สำคัญของประชาชนชาวอเมริกันที่เสียงของพวกเขาถูกได้ยินหลังจากที่มีการกดดันอย่างหนักจากทุกมุมของประเทศ และว่าทรัมป์ได้สร้างความเสียหายจริงและความวุ่นวายให้กับผู้คนนับล้าน
ขณะที่ชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาจากรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า “ชาวอเมริกันสู้กลับ และโดนัลด์ ทรัมป์ต้องยอมถอย”