วิเคราะห์ชี้ สงครามกลางเมืองเมียนมา สุ่มเสี่ยงรุนแรงขึ้น ขณะรบ.ทหารดันจัดเลือกตั้ง สร้างความชอบธรรม
เมื่อวันที่ 30 มกราคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า 4 ปีเต็มหลังเหตุการณ์รัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนในเมียนมา รัฐบาลทหารภายใต้การนำของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย ยังคงพยายามสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง โดยล่าสุดด้วยการประกาศจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในปี 2568 นี้ท่ามกลางสงครามกลางเมืองจากการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังชาติพันธุ์กลุ่มต่างๆ ที่ยังดำเนินอยู่โดยที่กองทัพเมียนมาได้สูญเสียพื้นที่ทั่วประเทศให้กับกองกำลังฝ่ายต่อต้านอย่างต่อเนื่อง
ในความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ กลุ่มกบฏและแวดวงนักการทูตมองว่า การที่กองกำลังติดอาวุธต่างๆ ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารและการเลือกตั้ง จะยิ่งทำให้บรรยากาศในเมียนมาทวีความตึงเครียดมากขึ้นก่อนหน้าที่การเลือกตั้งจะเกิดขึ้น ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในเมียนมา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งมั่นที่จะควบคุมพื้นที่ยึดครองของตนเองเพิ่มขึ้น แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า พวกเขาจะเดินหน้าต่อไป รัฐบาลทหารจะพยายามรักษาเสถียรภาพในพื้นที่เหล่านั้นก่อนหน้าการเลือกตั้ง
ด้านเย เมียว เฮ็ง นักวิเคราะห์ชาวเมียนมาจากสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐ กล่าวถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเมียนมาว่า สิ่งนี้จะยกระดับความขัดแย้งไปสู่ระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะแหล่งข่าวในวงการทูต 2 ราย และนักวิเคราะห์ 3 คนมองว่าความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นจะปรากฎให้เห็นอย่างกว้างขวางในช่วงการเลือกตั้ง โดยกองกำลังฝ่ายต่อต้านพร้อมที่จะบ่อนทำลายความพยายามของรัฐบาลทหารในการได้รับความชอบธรรมผ่านการเลือกตั้ง
“การเลือกตั้งครั้งนี้อาจกลายเป็นการนองเลือดได้อย่างแท้จริง หากกองกำลังปฏิวัติตัดสินใจโจมตีหน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งและผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง” เดวิด มาธีสัน นักวิเคราะห์ กล่าวถึงความพยายามที่เป็นไปได้ที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารจะขัดขวางการเลือกตั้ง
รอยเตอร์รายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศกำหนดวันจัดเลือกตั้งทั่วไปที่แน่ชัดจากรัฐบาลทหาร แต่ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจะจัดขึ้นได้ในพื้นที่เพียงครึ่งของทั้งประเทศเท่านั้น ฝ่ายต่อต้านหลายสิบกลุ่มยังถูกแบน และมีเพียงพรรคการเมืองที่สนับสนุนกองทัพเมียนมาเท่านั้นที่ลงแข่งขันได้ ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปของรัฐบาลทหารเมียนมาว่าเป็นการหลอกลวง
ทั้งนี้จากรายงานการจัดสำรวจสำมะโนประชากรก่อนการเลือกตั้งของรัฐบาลทหารเมียนมาซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาระบุว่ามีการทำสำรวจสำมะโนประชากรในแต่ละพื้นที่ไปได้เพียง 145 เขตเท่านั้นจากที่มีทั้งสิ้น 330 เขตทั่วประเทศ