เมียนมา ครบ 4 ปี รปห. ยังไร้หวัง จับตาเลือกตั้งอำพราง ไร้เงาพรรคซูจี
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ เป็นวันครบ 4 ปีเหตุการณ์กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซูจี ผู้นำต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทว่าบรรยากาศทั่วไปในวันนี้ในเมืองใหญ่อย่างนครย่างกุ้ง เมืองใหญ่สุดและศูนย์กลางการค้าของเมียนมา ผู้คนต่างออกมาดำเนินชีวิตไปตามปกติ ซึ่งต่างไปจากวันครบรอบเหตุรัฐประหารในปีที่ผ่านๆ มา ที่ผู้คนร่วมกันประท้วงเงียบด้วยการเก็บตัวอยู่ในบ้าน เพื่อแสดงการต่อต้านระบอบปกครองเผด็จการทหาร
ขณะที่ในวันก่อนหน้ารัฐบาลทหารได้ประกาศขยายการบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 6 เดือนจากที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั้นรัฐบาลทหารได้เผยแผนอ้างว่าจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศขึ้นภายในปี 2568 นี้ ทว่าก็ไม่ได้มีการเอ่ยถึงกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปที่ชัดเจนแต่ประการใด และเป็นที่คาดหมายว่ารัฐบาลทหารจะตัดพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย(เอ็นแอลดี)ของนางซูจีออกจากการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นด้วย ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารยังคงขยายวงรุนแรงต่อไป
เกียวโดรายงานว่าด้วยการขยายเวลาประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปเป็นครั้งที่ 7 ทำให้กำหนดเส้นตายสำหรับการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อฟื้นคืนการปกครองโดยพลเรือนของเมียนมาจะถูกเลื่อนออกไปถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีหน้าได้ เชื่อกันว่ารัฐบาลทหารกำลังพยายามใช้การเลือกตั้งเพื่อจะจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนที่ขึ้นอยู่กับกองทัพ ในขณะที่กองกำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหารให้คำมั่นว่าจะขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น
จีน เพื่อนบ้านที่ทรงอิทธิพลซึ่งได้แสดงความสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้มีการจัดเลือกตั้งในเมียนมา ยังมีความห่วงกังวลถึงความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความทะเยอทะยานทางภูมิยุทธศาสตร์ของจีนในเมียนมาที่จีนนำเข้าทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ โดยจีนได้พยายามเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลังชนกลุ่มน้อยเพื่อให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัน
ข้อมูลของสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ระบุว่า มีพลเรือนในเมียนมาเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 6,000 คน นับจากเกิดเหตุรัฐประหารที่นำไปสู่ความขัดแย้งสู้รบในเมียนมา และทำให้มีประชาชนที่ต้องพลัดถิ่นฐานมากกว่า 3.5 ล้านคน โดยกลุ่มคนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งยังพากันหลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเกณฑ์ทหารที่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว
นอกจากนี้ข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษทางการเมือง(เอเอพีพี) ซึ่งเป็นกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่มีฐานดำเนินงานอยู่ในไทยระบุว่ามีประชาชนในเมียนมาถูกรัฐบาลทหารจับกุมคุมขังมากกว่า 21,700 คน ซึ่งรวมถึงนางซูจี และแกนนำพรรคเอ็นแอลดีอีกหลายคนด้วย