นโยบายขึ้นภาษีทำดัชนีหุ้นแดงเถือก! ทรัมป์ลั่น มาตรการขึ้นภาษีทำสหรัฐเจ็บแต่คุ้ม
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวบนบัญชีโซเชียลส่วนตัวในกรณีมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก แคนาดาและจีนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ว่า “สหรัฐจะไม่ยอมเป็นประเทศที่โง่เขลาอีกต่อไป เรื่องนี้จะทำให้สหรัฐเจ็บตัวหรือไม่? ใช่ ก็อาจจะ (หรือก็อาจจะไม่!) แต่การขึ้นภาษีจะทำให้สหรัฐยิ่งใหญ่อีกครั้ง และราคาที่ต้องจ่ายนั้นก็คุ้มค่า”
กระนั้นก็ดี มาตรการดังกล่าวได้สร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมากว่าจะเกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้น และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำขึ้น ทั้งยังมีการวิจารณ์ด้วยว่าการขึ้นภาษีจะทำให้ราคาสินค้านั้นสูงขึ้น โดยนายเกรก ดาโก หัวหน้ากลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ของ EY กล่าวว่า นโยบายขึ้นภาษีของทรัมป์จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐลดลง 1.5 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ทำให้แคนาดาและเม็กซิโกเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจและนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อ รวมถึงอัตราการว่างงานภายในประเทศที่สูงขึ้น
ด้านอดีตรัฐมนตรีการคลังของสหรัฐ นายแลร์รี ซัมเมอร์ส ในรัฐบาลของประธานาธิบดีบิล คลินตัน กล่าวที่รายการอินไซต์โพลิติกส์ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า มาตรการขึ้นภาษีเป็นการสร้างบาดแผลให้กับเศรษฐกิจสหรัฐ ภาวะเงินเฟ้ออาจจะเพิ่มขึ้นมากถึง 1% ภายในระยะเวลา 9 เดือน พร้อมกล่าวเพิ่มว่า ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การรังแกไม่ใช่ยุทธศาสตร์ของผู้ชนะ การดำเนินการต่างประเทศเช่นนี้จะทำให้พันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐโน้มเอียงไปหาจีนมากขึ้น เรากำลังสร้างความชอบธรรมให้กับทรัมป์ในการละเมิดปทัฏฐานระหว่างประเทศที่สหรัฐได้กำหนดขึ้น
ต่อการวิจารณ์เรื่องราคาสินค้าที่สูงขึ้น ริสตี้ โนเอม รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กล่าวว่า หากราคาสินค้าสูงขึ้น นั้นเป็นผลมาจากปฏิกริยาของบุคคลอื่นต่อกฎหมายของสหรัฐ ในขณะเดียวกันทรัมป์กล่าวในประเด็นปัญหาขาดดุลการค้ากับแคนาดาว่า สหรัฐไม่ต้องการอะไรก็ตามที่แคนาดามี สหรัฐมีพลังงานที่เพียงพอที่จะผลิตรถยนต์ด้วยตนเอง และยังมีไม้ในปริมาณที่มากกว่าที่เราจะสามารถใช้ได้หมด
ล่าสุด ดัชนีฟิวเจอร์สล่าสุดของสหรัฐเปิดตัวในระดับที่ต่ำ ดัชนี S&P 500 ลดลง 2% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลดลง 2.75% ในด้านฟิวเจอร์สน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐ แตะที่ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลด้วย