ทรัมป์ระงับมาตรการขึ้นภาษีแคนาดา-เม็กซิโก สงครามการค้าจีนเดือดต่อ มีผล 4 ก.พ. นี้!
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ระงับมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า 25% ต่อแคนาดาและเม็กซิโก และเลื่อนการบังคับใช้ออกไป 30 วัน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา และประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบัมของเม็กซิโก ยินยอมที่จะจัดการกับปัญหาผู้อพยพอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยแคนาดาตกลงที่จะนำเทคโนโลยีชนิดใหม่มาใช้ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำการที่แนวชายแดนกับสหรัฐ รวมถึงการมีกรอบความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกันเพื่อจัดการกับปัญหาอาชญากรรม การลับลอบขนส่งยาเฟนทานิลและการฟอกเงิน
ด้านเม็กซิโก จะเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ชายแดนจำนวน 10,000 นาย เพื่อแก้ไขปัญหาผู้อพยพที่ผิดกฎหมายและยาเสพติด ประธิบดีเชนบัมกล่าวว่า สหรัฐได้แสดงเจตจำนงที่จะป้องกันไม่ให้อาวุธร้ายแรงถูกขนส่งมาที่เม็กซิโกด้วย
ทรัมป์กล่าวบนบัญชีโชเซียลส่วนตัวว่า “ด้วยตำแหน่งประธานาธิบดี ผมต้องรับผิดชอบในเรื่องความปลอดภัยของชาวสหรัฐทุกคน และในตอนนี้ผมกำลังทำสิ่งนั้นอยู่ ผมรู้สึกพอใจมากในผลลัพธ์นี้” นอกจากนั้น หลังจากที่ทรัมป์ได้หารือผ่านโทรศัพท์กับผู้นำของทั้งสองประเทศ เขากล่าวว่า จะดำเนินการเจรจาในเรื่องข้อตกลงทางเศรษฐกิจกับแคนาดาและเม็กซิโกด้วย
ทั้งนี้ มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนยังคงดำเนินอยู่ต่อไป และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ โดยทางโฆษกของทำเนียบขาวกล่าวว่า ทรัมป์ไม่มีกำหนดการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จนกว่าจะถึงสิ้นสัปดาห์นี้ ทรัมป์ระบุอีกว่า หากจีนไม่ยุติการขนส่งยาเฟนทานิลมายังสหรัฐ ตัวเลขภาษีนำเข้าจะสูงขึ้นกว่า 10% ที่ได้กำหนดไว้