ผู้นำอียูเห็นพ้อง จับมือยกระดับป้องกันประเทศ ต้านภัยคุกคามรัสเซีย

AP

ผู้นำอียูเห็นพ้อง จับมือยกระดับป้องกันประเทศ ต้านภัยคุกคามรัสเซีย

ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เห็นพ้องกันในการประชุมเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ว่าพวกเขาจะดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างการป้องกันประเทศจากรัสเซีย รวมถึงรับมือกับภัยคุกคามอื่นๆ โดยเพิ่มการใช้จ่ายและเติมเต็มช่องว่างด้านขีดความสามารถทางทหาร

นายอันโตนิโอ คอสตา ประธานสภายุโรป กล่าวหลังการประชุมสุดยอดด้านความมั่นคงซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม ว่า แม้จะมีการดำเนินการต่างๆ ไปมากแล้ว แต่เราจำเป็นต้องทำมากกว่านี้ เราจำเป็นต้องำให้ดีขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เร็วขึ้น และเราต้องทำร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้นำส่วนใหญ่ยังไม่ได้คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า แผนการเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมจะถูกนำไปใช้จ่ายอย่างไร แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ ในยุโรปได้เพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมแล้ว เพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022

ADVERTISMENT

สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ลงเมื่อมองถึงความเป็นไปได้ที่เพิ่มมากขึ้นว่า พวกเขาไม่สามารถพึ่งพาสหรัฐอเมริกาในการปกป้องทวีปยุโรปได้มากนัก หลังการก้าวขึ้นมาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยเฉพาะคำถามถึงความมุ่งมั่นที่ทรัมป์มีต่อพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และจากข้อเรียกร้องของทรัมป์ให้ประเทศในยุโรปเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันของตนเองให้มากขึ้น

การประชุมสุดยอดอียูเริ่มต้นขึ้นด้วยการที่ทรัมป์ประกาศเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากอียูในเร็วๆ นี้ หลังจากที่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ทรัมป์ได้สั่งใช้มาตรการเดียวกันกับสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเพิ่งถูกประกาศระงับ 30 วัน เช่นเดียวกับการขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่ยังคงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ตามเดิม

ADVERTISMENT

คอสตากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้นำอียูตกลงที่จะเน้นที่การเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญในด้านการป้องกันประเทศ เช่น การป้องกันทางอากาศและการป้องกันขีปนาวุธ ขีปนาวุธ กระสุนปืน และการขนส่งทางทหาร

ผู้นำอียูยังได้พูดคุยเกี่ยวกับวิธีการที่จะจัดหาเงินทุนสำหรับการดำเนินการตามลำดับความสำคัญเหล่านี้ แต่ยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงที่มีรายละเอียด อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการยุโรปได้ตกลงที่จะมองหาความยืดหยุ่นในกฎระเบียบที่พวกเขากำกับดูแลเกี่ยวกับการเงินสาธารณะของประเทศในอียู เพื่อทำให้การใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศทำได้สะดวกและง่ายขึ้น

อัวร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า ยุโรปจำเป็นต้องมีการเพิ่มกำลังในด้านการป้องกันอย่างเร่งด่วน และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ฐานอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของเราจะต้องแข็งแกร่งขึ้น และรับว่าหลายปีที่ผ่านมา เราได้ลงทุนในด้านการป้องกันน้อยเกินไป ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ นอกจากผู้นำอียูและฝ่ายบริหารของอียูแล้ว การหารือที่ที่กรุงบรัสเซลส์ครั้งนี้ยังมี นายมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต และนายเคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เข้าร่วมด้วย

เมื่อปีที่ผ่านมา ประเทศสมาชิกอียูใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศโดยเฉลี่ย 1.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือประมาณ 326,000 ล้านยูโร หรือมากกว่า 11 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2021 ราว 30% ตามการประมาณการของสหภาพยุโรป

ทรัมป์กล่าวว่าสมาชิกนาโตในยุโรปควรจัดงบประมาณ 5% ของจีดีพีเพื่อการป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยังไม่มีสมาชิกใดในกลุ่มพันธมิตรนาโตรวมถึงสหรัฐอเมริกาทำได้ในปัจจุบัน

ฟอน เดอร์ ไลเอินและคอสตากล่าวว่า อียูมีทางเลือกในการจัดหาเงินทุนด้านการป้องกันประเทศหลายประการ รวมถึงการใช้จ่ายในประเทศ บทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งยุโรปของอียู และเงินทุนจากภาคเอกชน

ทั้งนี้ มีการประมาณการว่าประเทศสมาชิกอียูอาจต้องใช้จ่ายเพิ่มอีก 500,000 ล้านยูโรในช่วงทศวรรษหน้า เพื่ออุดช่องว่างสำคัญด้านการป้องกันประเทศของยุโรป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image