ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียม 25% เว้นแค่ออสเตรเลีย เพราะขาดดุลมะกัน

AP

ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียม 25% เว้นแค่ออสเตรเลีย เพราะขาดดุลมะกัน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้ามายังสหรัฐทั้งหมด 25% เบื้องต้นเขาระบุว่าอัตราภาษีดังกล่าวจะถูกบังคับใช้กับทุกประเทศโดยไม่มีข้อยกเว้น เพื่อช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่กำลังประสบปัญหา

การยกเลิกการยกเว้นและโควต้าปลอดการเก็บภาษีอาการสำหรับผู้นำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมรายใหญ่มายังสหรัฐ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการขยายแนวรบในสงครามการค้าที่กำลังดุเดือดเข้มข้น หลังทรัมปืก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 เมื่อต้นปีนี้

ทรัมป์ลงนามในคำประกาศขึ้นภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมของสหรัฐเป็น 25% จากเดิมที่มีอัตราภาษี 10% และยกเลิกข้อยกเว้นและข้อตกลงโควตาสำหรับประเทศต่างๆ รวมถึงยกเว้นภาษีเฉพาะผลิตภัณฑ์หลายแสนรายการสำหรับโลหะทั้งสองชนิด โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคมนี้

ADVERTISMENT

มาตรการภาษีดังกล่าวจะนำไปใช้กับเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากแคนาดา บราซิล เม็กซิโก เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ ที่เคยนำเข้าสินค้าปลอดภาษีจากสหรัฐภายใต้ข้อยกเว้นที่เคยมีอยู่

ทรัมป์ให้เหตุผลว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้การจัดเก็บภาษีเหล็กง่ายขึ้น เพื่อให้ทุกคนเข้าใจชัดเจนว่ามาตรการนี้หมายความว่าอย่างไร อัตราภาษีอยู่ที่ 25% โดยไม่มีข้อยกเว้นหรือการยกเว้นใดๆ นั่นคือทุกประเทศจะถูกเรียกเก็บภาษี ไม่ว่ามันจะมาจากที่ใด

ADVERTISMENT

ต่อมาจากนั้นไม่นานทรัมป์ระบุว่า เขาจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนต่อคำขอในการยกเว้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของออสเตรเลีย เนื่องจากออสเตรเลียขาดดุลการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ทรัมป์ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายแอโธนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย

การประกาศภาษีชุดล่าสุดเกี่ยวกับเหล็กและอะลูมิเนียมของทรัมป์ เป็นการขยายเวลาการจัดเก็บภาษีตามมาตรา 232 ของทรัมป์เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2018 เพื่อปกป้องผู้ผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมในประเทศด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอ้างว่า ข้อยกเว้นต่างๆ ทำให้มาตรการเหล่านี้ไม่มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังจะกำหนดมาตรฐานใหม่ของอเมริกาเหนือที่กำหนดให้เหล็กที่นำเข้าต้อง “หลอมและเท” และอะลูมิเนียมต้อง “หลอมและหล่อ” ภายในภูมิภาค เพื่อจำกัดการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีนและรัสเซียที่ผ่านการแปรรูปน้อย ซึ่งจะหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรอื่นๆ ในขณะนำเข้ามายังสหรัฐ

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวยังขยายมาตรการภาษีศุลกากรไปยังผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่ใช้เหล็กที่ผลิตในต่างประเทศด้วย รวมถึงเหล็กโครงสร้างที่ผ่านกระบวนการแปรรูป อะลูมิเนียมอัดขึ้นรูป และเหล็กเส้นสำหรับคอนกรีตอัดแรง

ขณะที่ลงนามในคำสั่งดังกล่าวที่ทำเนียบขาว ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะประกาศมาตรการตอบโต้ทางภาษีกับทุกประเทศที่เรียกเก็บภาษีกับสินค้าของสหรัฐในอีกสองวันข้างหน้า และว่าเขากำลังพิจารณามาตรการภาษีต่อรถยนต์ ชิปเซมิคอนดักเตอร์ และยารักษาโรคอีกด้วย

เมื่อถูกถามถึงการขู่ว่าจะตอบโต้จากประเทศอื่นๆ ต่อมาตรการภาษีใหม่ของเขา ทรัมป์กล่าวว่า “ผมไม่สนใจ”

ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของทรัมป์ กล่าวว่า มาตรการล่าสุดนี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของชาติด้วยการเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมในประเทศ

“ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม 2.0 จะทำให้การทุ่มตลาดจากต่างประเทศสิ้นสุดลง กระตุ้นการผลิตในประเทศ และรักษาอุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของเราให้เป็นกระดูกสันหลังและอุตสาหกรรมหลักของเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา” นาวาร์โรกล่าว

ข้อมูลของสหรัฐชี้ว่า โรงหลอมอะลูมิเนียมผลิตโลหะได้เพียง 670,000 เมตริกตันในปีที่แล้ว ซึ่งลดลงจาก 3.7 ล้านตันในปี 2018 การปิดโรงงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาซึ่งรวมทั้งในรัฐเคนตักกี้และมิสซูรี ทำให้สหรัฐต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ โดยแคนาดาซึ่งมีทรัพยากรพลังงานน้ำจำนวนมากที่ช่วยในการผลิตโลหะ มีสัดส่วนคิดเป็นเกือบ 80% ของการนำเข้าอะลูมิเนียมของสหรัฐในปี 2024

ขณะที่ข้อมูลของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งอเมริกา การนำเข้าเหล็กคิดเป็นสัดส่วนราว 23% ของการบริโภคเหล็กของสหรัฐในปี 2023 โดยแคนาดา บราซิล และเม็กซิโกเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุด

ฟรองซัวส์-ฟิลิปป์ แชมเปญ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมของแคนาดา กล่าวว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐนั้นไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง เนื่องจากเหล็กและอะลูมิเนียมของแคนาดาเป็นปัจจัยสนับสนุนอุตสาหกรรมหลักของสหรัฐ รวมถึงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมต่อเรือ อุตสาหกรรมพลังงาน และอุตสาหกรรมยานยนต์

“สิ่งนี้ทำให้อเมริกาเหนือมีขีดความสามารถในการแข่งขันและปลอดภัยมากขึ้น เรากำลังหารือกับพันธมิตรระหว่างประเทศของเราในขณะที่เรากำลังตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ และเราจะตอบสนองอย่างชัดเจนและเหมาะสม” แถลงการณ์ของรัฐมนตรีอุตสาหกรรมแคนาดาระบุ

ด้านฟิลิป เบลล์ ประธานสมาคมผู้ผลิตเหล็กออกมาแสดงความชื่นชมทรัมป์ โดยกล่าวว่า “เราขอปรบมือให้ประธานาธิบดีที่กำหนดภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และยกเลิกข้อยกเว้น การยกเว้น และโควตาที่อิงตามข้อมูลที่ล้าสมัย” และว่า ภาษีนำเข้าเหล่านี้อิงตามระดับการนำเข้าในปี 2015-2017 ซึ่งไม่สะท้อนถึงความเป็นจริงของตลาดในปัจจุบันอีกต่อไป

การประกาศขึ้นภาษีดังกล่าวทำให้หุ้นของผู้ผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมในสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ขณะที่หุ้นของผู้ผลิตเหล็กในยุโรปและเอเชียพากันร่วงลง

คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่าไม่เห็นเหตุผลในการเก็บภาษี และว่านางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป จะพบกับเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ในกรุงปารีสในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ระหว่างการประชุมสุดยอดด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)

ขณะที่ในเกาหลีใต้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้เรียกผู้ผลิตเหล็กมาหารือถึงวิธีลดผลกระทบของการขึ้นภาษีดังกล่าวแล้วเช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image