คอลัมน์ไฮไลต์โลก: ลาแอฟริกาผวาถูกล่า

ภาพเอเอฟพี

การจะได้เห็นฝูงลาที่ชาวบ้านในแถบทวีปแอฟริกาปล่อยออกมาให้เล็มหญ้ากันอย่างอิสระตามทุ่งหญ้า อาจจะเป็นภาพที่เห็นได้ยากไปแล้วในขณะนี้ เนื่องจากหนังลากำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดจีนเพื่อนำมาไปใช้ในการปรุงยาแผนโบราณที่เชื่อว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรค นั่นทำให้ลาตกเป็นเป้าหมายถูกคุกคามจากการถูกกลุ่มหัวขโมยและตลาดมืดที่รับซื้อลาโดยผิดกฎหมาย ยังไม่นับรวมประเด็นที่กลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์ออกมาตีแผ่ถึงกรรมวิธีการเชือดการฆ่าลาที่โหดร้าย

หมู่บ้านโมโกซานี ในจังหวัดนอร์ทเวสต์ ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่กำลังเผชิญกับแก๊งขโมยลา ที่ชาวบ้านมักจะพบซากลาถูกทิ้งไว้ตามทุ่งหญ้า หลังจากพวกมันถูกแก๊งหัวขโมยฆ่า ถลกเอาหนังและตัดกีบเท้าออกไปแล้ว

ชาวบ้านในหมู่บ้านบอกว่าพวกเขาไม่เคยเจอปัญหาลาถูกขโมยแล้วถลกเอาหนังไปแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้พวกหัวขโมยหมายตาจ้องแต่จะขโมย การที่พวกเขาจะปล่อยให้ลาที่ตัวเองเลี้ยงเอาไว้ ให้ออกมาเล็มหญ้ากินเองอย่างอิสระเหมือนเมื่อก่อน ก็คงทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว

โดยทั่วไปประเทศในแถบแอฟริกา มักเลี้ยงลาเอาไว้ใช้งาน ไม่นิยมเลี้ยงเอาไว้บริโภค ส่วนวุ้นเมือกในผิวหนังของลาที่เป็นที่ต้องการในจีน ซึ่งเรียกกันว่า เออเจียว ยังกลับไม่มีมูลค่าทางการค้าของตลาดในแถบนี้

Advertisement
ภาพเอเอฟพี
ภาพเอเอฟพี

แต่อย่างที่ว่ามาข้างต้น ตอนนี้หนังลาและกีบเท้าของมันกำลังเป็นที่ต้องการเพื่อจะส่งออกไปยังจีน หลังจากตลาดจีนมีความต้องการสูง เพราะเมือกวุ้นที่เรียกว่า เออเจียว ในผิวหนังและกีบเท้าของมันนำไปใช้ปรุงยาตำรับโบราณที่เชื่อกันว่ารักษาได้หลายโรค เช่น เลือดจาง และ อาการของผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน ส่วนเนื้อลา ก็ยังเป็นที่นิยมบริโภคในหลายพื้นที่ของจีน ที่เชื่อว่าเนื้อลามีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าเนื้อวัวเสียอีก

มีการประเมินว่าวงจรธุรกิจเกี่ยวกับลาในประเทศจีนมีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจีนเริ่มหันมาเล็งการนำเข้าลาจากประเทศในแถบแอฟริกามากขึ้นแทน หลังจากประชากรลาในประเทศลดลงอย่างฮวบฮาบ โดยข้อมูลของทางการชี้ว่า ประชากรลาในประเทศจีนได้ลดลงไปมากกว่าครึ่งหนึ่งจากช่วงทศวรรษ 1990 ที่จีนมีลาอยู่ประมาณ 11 ล้านตัว ลดลงเหลือ 6 ล้านตัวในปี 2013

ย้อนกลับมาที่ชาวบ้านรายหนึ่งในหมู่บ้านโมโกซานี สะท้อนถึงปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่ว่า ลาเป็นสัตว์ ที่พวกเขาเลี้ยงเอาไว้ใช้งานและช่วยทำมาหากิน ถ้าพวกเขาไม่มีลา ก็เท่ากับขาดเครื่องไม้เครื่องมือในการทำมาหากินไป วันหนึ่งในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว จู่ๆเขาต้องเสียลาไป 6 ตัว จากที่เลี้ยงไว้ 9 ตัว เพราะถูกขโมยไป โดยที่จับตัวคนร้ายไม่ได้ และว่า แต่ก่อนนี้ที่นี่ ลาซื้อขายกันตัวละประมาณ 400 แรนด์ (ราวพันบาท) ตอนนี้ลาตัวหนึ่งราคาพุ่งขึ้นไปถึง 2,000 แรนด์ (ราว 5 พันบาท)

Advertisement

ขณะที่มีรายงานเมื่อ 2 เดือนก่อนว่าตำรวจในนครโจฮันเนสเบิร์ก ของแอฟริกาใต้ ตรวจพบหนังลาน้ำหนักมากกว่า 5,000 ตัน ถูกซ่อนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์เพื่อเตรียมส่งออกนอก ถือเป็นการตรวจยึดหนังลาได้ล็อตใหญ่สุดของประเทศ และเจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดหนังลาในลักษณะเดียวกันนี้ได้อีกหลายครั้งนับแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา นี่สะท้อนให้เห็นแนวโน้มการลักลอบขนหนังลาออกนอกประเทศที่มีมากขึ้้น

หลังจากเป็นข่าวครึกโครม ก็ปลุกกระแสความไม่พอใจของประชาชนในประเทศขึ้นมา เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐหาทางจัดการขั้นเด็ดขาดกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยชี้ว่าหากไม่มีการลงมือทำอะไร แอฟริกาใต้ก็อาจจะต้องเผชิญสถานการณ์เดียวกับวิกฤตการล่าแรด ที่ทำให้สัตว์ถูกคุกคามและเสี่ยงสูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image