กางอาณาจักรทำเงินของ หม่องชิตตู่ แห่ง BGF โยงใยทุนเทาหลายชาติ ที่ไม่ได้มีแค่ ชเวโก๊กโก่

กางอาณาจักรทำเงินของ หม่องชิตตู่ แห่ง BGF สัมพันธ์หลายชาติ ที่ไม่ได้มีแค่ ชเวโก๊กโก่

จากกรณี กรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหลักฐานคดีค้ามนุษย์ เจ้าพบพนักงานอัยการ หารือในประเด็นข้อกฎหมาย ออกหมายจับผู้ต้องหา ที่เป็นผู้นำกองกำลัง หรือ หม่อง ชิตตู่ หลังหลอกชาวอินเดีย บังคับทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์

อย่างไรก็ตาม หม่อง ชิตตู่ ผู้นำกลุ่มติดอาวุธกระเหรี่ยง BGF ที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาล ได้ออกมาประท้วงคำขู่ของรัฐบาลไทยโดยพลันว่า

“ผมอยากถามว่า ผมทำอะไรกับประเทศไทยกันแน่ ถึงจะมาจับ”

ADVERTISMENT

“ผมได้กระทำการอันเป็นกบฏกับไทยหรือ”

ทั้งยังบอกกับบีบีซีว่า กลุ่มของเขาได้ทำหลายอย่างเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์และช่วยเหลือเหยื่อกลับประเทศ แต่ความพยายามของเราไม่เคยได้รับการนำเสนอในข่าวเลย

ADVERTISMENT

“หมายจับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเรา ผมรู้สึกแย่มากจริงๆ กับการดำเนินการของไทย”

ข้อมูลจาก Irrawaddy

นอกจากนี้ ยังได้ให้สัมภาษณ์กับ ดีวีบี ว่า กองกำลัง BGF นั้น ไม่ได้พาคนต่างชาติมาในเมียนมา พวกเขามาเอง และเข้ามาทางไหนประเทศไทยก็รู้ดี ชาวต่างชาติอ้างว่าเป็นเหยื่อมีอีกมาก มากันเองและก็มาอ้างว่าเป็นเหยื่อ ทาง BGF พร้อมที่จะส่งตัวบุคคลชาตินั้นๆ ให้ทุกประเทศที่ประสานมาอยู่แล้ว

ด้าน โฆษกของ BGF อย่าง พันโท นาย หม่อง ซอ ก็บอกกับอิระวดีว่า “เราทำอะไรผิด ไทยถึงออกหมายจับเรา เราไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นจึงไม่มีความเห็น”

ในทางกลับกัน BGF ยังได้อ้างว่าได้จัดตั้งกองกำลังพิเศษ นำโดย หม่อง ชิตตู่ เพื่อกำจัดและปราบปราม เครือข่ายการหลอกลวงทางไซเบอร์ในพื้นที่ชายแดนที่ BGF ดูแลอยู่

เป็นความเคลื่อนไหวในชายแดนไทย-เมียนมา วันเดียวกันกับที่ เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 261 ราย จาก 20 สัญชาติ จะได้ข้ามกลับมาไทย รอส่งต่อกลับประเทศ เพื่อกลับไปมีชีวิตใหม่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ชื่อของ หม่องชิตตู่ หรือ พ.อ. ซอ ชิตตู่ ไม่ใช่ชื่อใหม่สำหรับคนไทย ก่อหน้านี้ เขาได้ถูกสหราชอาณาจักร คว่ำบาตรเมื่อธันวาคม 2566 ข้อหาการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานบังคับ และละเมิดสิทธิมนุษยชน มาแล้ว ก่อนที่จะเป็นที่สนใจอีกครั้ง เมื่อ หวังซิง นักแสดงชาวจีนหายตัวไปยังเมืองเมียวดี เรียกความสนใจจากคนทั่วโลก กระทั่งรัฐบาลปักกิ่ง ออกมากดดันเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จนช่วยหวังซิง กลับประเทศได้สำเร็จ

สื่อเมียนมาหลายสำนัก ได้เคยนำเรื่องของ ซอชิตตู่ คนนี้ มาตีแผ่ ถึงอาณาจักรและเครือข่ายธุรกิจของเขาที่ไม่ธรรมดา

กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ของเขา เป็นพันธมิตรของรัฐบาลทหารเมียนมา ได้สร้างเครือข่ายข้ามชาติของธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้ง การหลอกลวงไซเบอร์ โดยมีบริษัท และบุคคล จาก เมียนมา มาเลเซีย ไทย และประเทศอื่นในเอเชีย ที่ก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศโดยไม่ต้องรับโทษ

ขณะเดียวกัน ก็ทำให้ครอบครัวของเครือข่ายกองกำลังนี้ รวยขึ้น

อ้างอิงจาก Justice for Myanmar นักเคลื่อนไหวที่รณรงค์เพื่อความยุติธรรมและความรับผิดชอบต่อประชาชนเมียนมา ได้อธิบายโครงสร้างและองค์กรเครือข่ายระดับภูมิภาคของ BGF โดยให้รายละเอียดใหม่เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของกองทหารอาสา ในธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น การหลอกลวงออนไลน์ คาสิโนผิดกฎหมาย และ การพนันออนไลน์ ที่ผิดกฎหมาย ในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา ชายแดนไทย

การเคลื่อนไหวนี้ มี หม่องชิตตู่ หรือ ซาน มยิน และลูกๆของเขา เป็นผู้เล่นในบริษัทกะเหรี่ยง BGF/KNA นี้

ด้วยการกระจายหุ้นระหว่างสมาชิกในครอบครัว ครอบครัวของหม่องชิตตู่ ควบคุมธุรกิจ BGF 6 แห่ง และถือหุ้นเล็กน้อยในแหล่งหลอกลวงทางไซเบอร์ที่มีชื่อเสียง 2 แห่ง ได้แก่ Apollo Park และ Yulong Bay Park ในรัฐกะเหรี่ยง ชายแดนไทย

ข้อมูลจาก Irrawaddy

กางอาณาจักร ซอชิตตู่

นับตั้งแต่ก่อตั้งพันธมิตรกับกองทัพเมียนมา ในปี 2553 จัดตั้งกองกำลังพิทักษ์ชายแดน ซอ ชิตตู่ สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของเขา ได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนสิ่งต่างๆ จากกองทัพเมียนมา และพื้นที่ในการสร้างธุรกิจอาชญากรรม ที่สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำ

กองทัพเมียนมา ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากรายได้ของกลุ่ม BGF ที่กล่าวกันว่า BGF ได้เสริมกองทัพเมียนมา ด้วยเงินราวๆ 50% ของรายได้ 192 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6,518 ล้านบาท ที่ BGF กอบโกยทุกปี จาก ชเวโก๊กโก่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติ ที่พัฒนาโดย BGF กับ เฉอจื้อเจียง ใกล้เมียวดี ในรัฐกะเหรี่ยง

เฉอจื้อเจียงนั้น ถูกจับกุมในประเทศไทยในปี 2565 ตามหมายจับระหว่างประเทศ และ กำลังรอส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีน ในข้อหาการดำเนินกิจการพนันผิดกฎหมาย

ภาพจาก JFM / Irrawaddy

ธุรกิจครอบครัว

ซอ ชิตตู่ ถือหุ้นและเป็นกรรมการในบริษัท BGF อย่างน้อย 5 แห่งด้วยกัน และสามารถควบคุมองค์กรติดอาวุธหลัก ร่วมกับครอบครัวได้ แม้ว่าในอดีตจะอ้างว่าเป็นแค่ “ที่ปรึกษา” ก็ตาม

ลูกชาย 2 คนของเขา “ซอ ฮตู เอ มู” วัย 32 ปี และ “ซอ ชิตชิต” อายุ 28 ปี ก็มีตำแหน่งสำคัญในกองกำลัง BGF

ซอ ฮตู เอ มู นั้น มีส่วนในการดำเนินธุรกิจ ถือหุ้นในธุรกิจ BGF และกรรมการในบริษัทกะเหรี่ยง BGF และกิจการร่วมค้าเก้าแห่ง รวมถึงแหล่งหลอกลวงทางไซเบอร์สองแห่ง ได้แก่ Apollo Park และ Yulong Bay

ขณะที่ น้องชาย ซอ ชิตชิต มีส่วนร่วมในปฏิบัติการทางทหารร่วมกับรัฐบาลทหาร เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพ BGF ในการสู้กับกลุ่มต่อต้าน และยังถือหุ้น เป็นกรรมการในธุรกิจ BGF/KNA อย่างน้อย 5 แห่ง

ฟากลูกสาวอย่าง หนาน นิน นันดาร์ เอ (Nan Hnin Nandar Aye) ลูกสาววัย 26 ปี ถือหุ้นและเป็นกรรมการในธุรกิจ BGF ของชาวกะเหรี่ยงอย่างน้อย 4 แห่ง เธอศึกษาอยู่ที่ TMC Academy Singapore และ University of Northampton ในสหราชอาณาจักร โดยสำเร็จการศึกษาสาขาธุรกิจและการจัดการ

ด้านภรรยาอย่าง นาน คิน หลา ทู ( Nan Khin Hla Thu ) มีส่วนในธุรกิจครอบครัวเช่นกัน ตามโพสต์ในโซเชียลมีเดียของเธอ จะพบว่าแม้ไม่ได้ถือหุ้น แต่ก็ยังได้รับประโยชน์จากกิจกรรมดังกล่าว

การถือหุ้นของ หม่องชิตตู่ และ ลูกๆทั้ง 3 คนของเขา ครอบครัวนี้จะเป็นเจ้าของธุรกิจ BGF ของกะเหรี่ยงถึง 6 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 50 อ้างอิงจากบันทึกในปี 2565 จากสำนักทะเบียนบริษัทเมียนมา ก่อนที่รัฐบาลเผด็จการทหารจะจำกัดการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว

ซอชิตชิต ในชเวโก๊กโก่ ภาพจาก Irrawaddy / Thaung Yin FC Facebook

เครือข่ายกุมอำนาจธุรกิจ

นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกระดับสูงของ BGF ที่อยู่ในเครือข่าย

“ซอ มิน มิน อู” ผู้พัน และอดีตผู้บังคับกองพันในกองทัพพุทธกะเหรี่ยงประชาธิปไตย หรือ Democratic Karen Buddhist Army – D.K.B.A. กลุ่มติดอาวุธกระเหรี่ยงที่เป็นพันธมิตรกับกองทัพเมียนมา เป็นผู้บังคับกองพันที่มีบทบาทด้านการจัดการและดูแลบริษัทสำคัญของ BGF

เขาทำหน้าที่เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น ธุรกิจ BGF อย่างน้อย 7 แห่ง และ เป็นตัวแทนของ BGF เพียงคนเดียวในคณะกรรมการของบริษัท Myanmar Yatai International Holding Group Company Limited ที่ BGF ถือหุ้นอยู่ 20% ในนามของเขา

บริษัท Myanmar Yatai International Holding Group Company Limited มีส่วนร่วมสำคัญในโครงการ ชเวโก๊กโก่ ที่ตั้งของคาสิโนผิดกฎหมายและการหลอกลวงทางไซเบอร์

ซอ ติน วิน (Saw Tin Win) นายพล BGF อีกคน และ ภรรยาของเขา นาน มยิน มยิน วิน (Nan Myint Myint Win) ควบคุมบริษัท BGF 2 แห่ง ซึ่งรวมถึง Shwe Myint Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited

บริษัทได้รับการว่าจ้างให้นำเข้าพลังงานจากประเทศไทย ขับเคลื่อนศูนย์หลอกลวง ดำเนินงานคาสิโนออนไลน์ในเมียวดี (ก่อนที่ไทยจะตัดไฟในปี 2023)

พันธมิตรสีเทา

ในทศวรรษที่ผ่านมา ดินแดนกะเหรี่ยง BGF ได้กลายเป็นจุดเชื่อมต่อหลัก ในเครือข่ายศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ และการพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกลุ่มอาชญากรมีรายได้หลายพันล้านดอลลาร์

ผู้นำ BGF ได้รับประโยชน์จากอาชญากรรมข้ามชาติ ผ่านการควบคุมที่ดินที่เขาเป็นเจ้าของโดยตรง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผ่านบริษัทร่วมทุน ภาษี การรักษาความปลอดภัย การลอบขนของเถื่อน การค้ามนุษย์ และการขายสาธารณูปโภค

รายงานของ Justice for Myanmar พบว่า ผู้นำ BGF และครอบครัว มีความเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ทั้งจาก ไทย จีน และ มาเลเซีย ในการดำเนินธุรกิจที่ผิดกฎหมายที่บริเวณชายแดนไทย เป็นที่รู้กันว่าแหล่งกลโกงไซเบอร์ พนันออนไลน์ และ คาสิโน ได้รับความนิยมอย่างมาก นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารในพม่าเมื่อปี 2564

ธันวาคม 2566 สหราชอาณาจักร ได้ออกมาคว่ำบาตร ซอชิตตู่ และ ซอ มินมินอู เนื่องจากพวกเขา “รับผิดชอบให้การสนับสนุนหรือได้รับผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชเวโก๊กโก่ ซึ่งพวกเขาถูกบังคับให้ทำงานเป็นคนต้มตุ๋น และ ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรี”

ในชเวโก๊กโก่ นอกจาก เฉอจื้อเจียง แล้ว บริษัท Myanmar Yatai International Holding Group Company Limited ยังมีความร่วมมือผ่านบริษัท Ya Tai International Holding Group Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติไทย จดทะเบียนในเดือนธันวาคม 2560 และเลิกกิจการในเดือนธันวาคม 2566

กรรมการเพียงคนเดียวของบริษัทในเดือนธันวาคม 2566 มีชื่อว่า “นายฉ.” (นามสมมติ) พลเมืองไทย และมีผู้ถือหุ้นเป็นชาวกัมพูชา 1 รายและจีน 2 ราย

นอกจากนี้ BGF ยังได้คุยกับธนาคารไทย ในการจัดหาเงินทุนให้กับ ชเวโก๊กโก่ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ตัวแทนธนาคารใหญ่ของไทย 3-4 แห่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้เดินทาง ไปชเวโก๊กโก่ เพื่อสำรวจศักยภาพและสนับสนุนทางการเงินให้กับเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต

ซึ่งมีภาพถ่ายของคณะที่โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กของผู้ร่วมก่อตั้ง BGF สัญชาติไทยคนหนึ่ง แสดงให้เห็นคนแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ธนาคาร กำลังเดินทางโดยเรือไปยังจุดผ่านแดน ที่ดำเนินการโดย BGF อย่างผิดกฎหมาย แต่ Justice for Myanmar บอกว่า ไม่สามารถยืนยันว่า มีการบรรลุข้อตกลงใดหรือไม่

นอกจาก Yulong Bay, Apollo Park และ ชเวโก๊กโก่ แล้ว BGF ยังมีส่วนร่วมใน ตงเหม่ย พาร์ค – Dongmei Park หรือที่รู้จักกันในชื่อ Saixigang Industrial Park แหล่งหลอกลวงทางไซเบอร์ในพื้นที่ Lay Kay Kaw ที่อยู่ทางตอนใต้ของเมียวดี

ภาพถ่ายและวิดีโอพิธีตั้งอุทยาน จัดในปี 2020 เผยให้เห็นทหาร BGF ติดอาวุธอย่างดียืนอยู่บนเวที เหมือนกับอุปกรณ์ประกอบฉาก เบื้องหลังเป็นการรักษาความปลอดภัย และเป็นหลักฐานว่ากลุ่มดังกล่าวมีส่วนร่วม

1 ในนักลงทุน Dongmei Park ก็คือ หวัน คว็อก คอย หรือ รู้จักกันในชื่อ Broken Tooth, Yin Gouju อดีตผู้นำของกลุ่ม 14K Triad องค์กรอาชญากรรมรายใหญ่ของจีน ที่เป็นที่ต้องการของตำรวจมาเลเซีย

หวันคว็อกคอย ได้ก่อตั้ง ตงเหม่ย พาร์ค ร่วมกับชาวมาเลเซียที่มีความสัมพันธ์อันดี รวมถึงบิ๊กเนมในมาเลเซีย ที่มีตำแหน่งทางการเมืองด้วย

ตงเหม่ย กรุ๊ป จดทะเบียนในฮ่องกง คือ Dongmei Investment Group Company Limited ซึ่งมีกรรมการและผู้ถือหุ้นชาวมาเลเซีย 2 คน ได้แก่ Datuk Abdul Shakor bin Abu Bakar และ Yong Mun Hong บริษัทนั้นยังคงจดทะเบียนอยู่กระทั่งเดือนพฤษภาคม 2024 แม้ว่าจะถูกสหรัฐคว่ำบาตร

จินซิน พาร์ค – Jinxin Park เป็นอีกหนึ่งศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ที่ผู้นำ BGF มีส่วนเกี่ยวข้อง สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองเมียวดี ริมแม่น้ำ Thaungyin ต้นน้ำจากสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2

ที่แห่งนี้ ขึ้นชื่อเรื่องความเหี้ยมโหด มีการหักขาคนที่ต้องการจะหลบหนี มีวิดีโอแสดงให้เห็นการมีส่วนร่วมของ ซอชิตตู่ ในจินซิน พาร์ค ที่เขาและเจ้าหน้าที่ BGF คนอื่นๆ ได้เยี่ยมชมสวนสาธารณะ ดูการก่อสร้างและตรวจสอบแผนงาน วิดีโอได้แสดงให้เห็นว่า กำลังสังสรรค์กับชายคนหนึ่งที่อ่านว่าเป็น ซยงซือเจีย ที่หลายๆสื่อโซเชียลมีเดีย โพสต์ว่าเขาเป็น “บอสของสวนแห่งนี้”

ข้อมูลจาก Irrawaddy

ขับเคลื่อนองค์กรอาชญากรรม

BGF ได้ผลกำไรจากการขายสาธารณูปโภคให้กับการหลอกลวงทางไซเบอร์ และคาสิโนผิดกฎหมาย ที่ต้องการไฟฟ้าที่เสถียร และ อินเตอร์เน็ตแบนด์วิตสูง

ในปี 2018 บริษัท BGF Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing (SMTY) ได้ลงนามในสัญญาซื้อไฟฟ้ากับบริษัทในเครือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ที่รัฐเป็นเจ้าของของไทย เพื่อส่งออกไฟฟ้าไปยังเมืองเมียวดี ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ เมียวดี ชเวโก๊กโก่ และ เลยเคย์คอว ที่ตั้งอยู่ตอนใต้ของเมียวดี

มีความต้องการพลังงานสูงจากแก๊งคอล และคาสิโน ใน เลยเคย์คอว , เคเคพาร์ค , ตงเหม่ยพาร์ค และ ฮยวนอา อินเตอร์เนชั่นแนล นิว ซิตี้ ซึ่งโครงการหลังได้รายงานความเชื่อมโยงไปยัง กะเหรี่ยง BGF/KNA และบุคคลสำคัญของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง

ทั้งนี้ Shwe Myint Thaung Yinn (SMTY) Industry & Manufacturing ควบคุมโดย ซอ ตินวิน จากกะเหรี่ยง BGF/KNA และภรรยาของเขา นัน มยินมยิน วิน

ตามข้อตกลงดังกล่าว ผู้ร่วมงานชาวไทยของ BGF เป็นเพียงกรรมการแต่เพียงผู้เดียวของบริษัทไทย Bioenergy Development Company Limited ได้เริ่มอำนวยความสะดวกด้านไฟฟ้าให้กับ ชเวโก๊กโก

ต่อมา ในเดือนมิถุนายน 2566 ภายใต้แรงกดดันทั้งในและต่างประเทศ จะได้ตัดการจ่ายไฟฟ้าให้กับ เลย์เคย์คอว และ ชเวโก๊กโก่ และเพิ่งจะตัดอีก 5 จุดเมื่อไม่นานมานี้

ภัยคุกคามระดับชาติ

BGF ยังมีรายได้จำนวนมากจากการค้าขายผิดกฎหมาย ที่ผ่านจุดแดนผิดกฎหมายที่พวกเขาดำเนินการ โดยเก็บภาษี อาจหลายพันล้านดอลลาร์ ต่อปี สินค้าที่ทำกำไรได้แก่ ยานพาหนะ เชื้อเพลิง อิเล็กทรอนิกส์ วัสดุก่อสร้างและแอลกอฮอล์ ซึ่งบางส่วนนาเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท BGF Karen BGF/KNA

และยังเก็บภาษีคนที่ข้ามจากท่าข้ามเรือริมแม่น้ำด้วย

ไม่นานมานี้สื่อพม่าตีข่าว ว่ารัฐบาลทหารพม่า รวมถึง BGF ถูกกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลจีน ให้ปราบปรามขบวนการจีนเทา จึงเป็นที่มาให้ส่งแก๊งคอลกลับหลายต่อหลายครั้ง

และล่าสุด อัยการไทยจะออกมาเบรกหมายจับ หม่อง ชิตตู่ และพวก อ้างว่าหลักฐานไม่เพียงพอ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ที่มาจาก The Irrawaddy / Justice of Myanmar / FrontierMyanmar 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image