ที่มา | นสพ.มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ชาลิสสา สุขเอี่ยม |
เผยแพร่ |
People in Focus : ‘โฮเซ ราอูล มูลิโน’ ยกแรกของสนามมวยมหาอำนาจ
ถือว่าได้เริ่มต้นไปแล้วสำหรับยกที่หนึ่งของการแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐในยุคทรัมป์ 2.0 โดยมีคลองปานามาเป็นสนามแรก
นอกจากการการผงาดขึ้นมาของจีนได้ส่งผลกระทบต่อสถานะความเป็นเจ้าโลก (hegemony) ของสหรัฐแล้วนั้น ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ที่จะส่งผลให้จีนสามารถครองเส้นทางทางการค้าทั้งทางบกและทางทะเล ยิ่งทวีความเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง เพราะจะทำให้จีนกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจโลกแห่งใหม่ แทนที่สหรัฐโดยสมบูรณ์
การลงทุน ประกอบกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทูตส่งผลให้บทบาทของจีนในภูมิภาคละตินอเมริกาเติบโตอย่างรวดเร็ว การที่ภัยคุกคามเข้ามาใกล้บ้านเช่นนี้ สหรัฐจำเป็นต้องดำเนินยุทธศาสตร์ปิดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ
คลองปานามาได้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจ หากจีนเข้ามามีอิทธิพลในพื้นที่ดังกล่าว ก็จะสามารถเข้าถึงเส้นทางเดินเรือที่เชื่อมต่อระหว่างสองมหาสมุทรได้ รัฐบาลสหรัฐจึงต้องดำเนินมาตรการสกัดกั้นจีนโดยได้ใช้ 2 กลยุทธ์ด้วยกัน
ประการแรก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ยึดครองให้คลองปานามากลับมาอยู่ภายใต้อาณัติของสหรัฐ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมแก่ประธานาธิบดีโฮเซ ราอูล มูลิโน ประธานาธิบดีปามานา ว่าการที่ปานามาเข้าร่วมโครงการ BRI เมื่อปี 2017 นั้นสร้างความไม่พอใจแก่สหรัฐเป็นอย่างมาก
มูลิโนเผชิญกับแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง เมื่อสหรัฐใช้กลยุทธ์ที่สอง ส่งตัวมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศที่มีเชื้อสายละตินคนแรก ไปเยือนปามานา โดยรูบิโอได้เรียกร้องให้ปานามาจัดการกับอิทธิพลของจีนในคลองปานามาโดยทันที
สหรัฐบีบปานามาได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ มูลิโนแถลงว่า สถานทูตปานามา ณ กรุงปักกิ่ง ได้ส่งหนังสือแสดงความจำนงถอนตัวออกจากโครงการ BRI แล้ว นับเป็นประเทศแรกในละตินอเมริกาที่ถอนตัว
แม้ว่ายุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (NSS) ของรัฐบาลปัจจุบันยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ นโยบายในการสกัดกั้นอิทธิพลของจีนเพื่อรักษาอำนาจนำของสหรัฐจะต้องถูกระบุไว้ ดั่งที่เคยเป็นมาโดยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลจากพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันก็ตามที