ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ชาคร ศิริสุวรรณสิทธิ์ |
เผยแพร่ |
มาร์ติน แม็คกินเนส รองนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์เหนือ ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 66 ปี
แม็คกินเนสเป็นที่รู้จักในฐานะอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสาธารณรัฐไอร์แลนด์ หรือไออาร์เอ เป็นสมาชิก “พรรคซินน์เฟน” รวมถึงเป็นส่วนสำคัญในการเจรจาสันติภาพในสงครามต่อต้านการปกครองของรัฐบาลอังกฤษระยะเวลา 30 ปี ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 3,500 คน นำไปสู่ข้อตกลง “กู๊ดฟรายเดย์” ในที่สุด
แม็คกินเนส ชายที่เคยได้ชื่อว่าเป็น “ผู้บัญชาการไร้ปรานี” เติบโตขึ้นมาพร้อมกับการเข้าร่วมกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง
แม็คกินเนสร่วมเป็นสมาชิกพรรคซินน์เฟน พรรคสายสาธารณรัฐแบบอนุรักษนิยมคาทอลิก ในปี 2513 ก่อนที่อีกสองปีต่อมาจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกกองกำลังไออาร์เอ ก้าวขึ้นเป็นสมาชิกระดับสูงในช่วงเวลา “อาทิตย์นองเลือด” วันที่ทหารอังกฤษยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่มีอาวุธ จนเสียชีวิตไป 13 ราย เมื่อปี 2515
แม็คกินเนสเคยถูกรัฐบาลอังกฤษจับกุมและต้องรับโทษจำคุก 6 เดือน ในปี 2516 หลังถูกจับพร้อมเครื่องกระสุนและวัตถุระเบิดจำนวนมาก ระหว่างการไต่สวน แม็คกินเนสประกาศตัวเป็นสมาชิก “ไออาร์เอ” อย่างภาคภูมิใจ
หลายปีต่อมา แม็คกินเนสก้าวเข้าสู่วงการการเมืองและยอมรับอดีตในฐานะ “ไออาร์เอ” อย่างจริงใจและเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รอยด่างในอดีตของแม็คกินเนสถูกมองข้าม
เป็นที่ยอมรับกันว่า แม็คกินเนสนั้นมีส่วนสำคัญในการเจรจาทางลับกับรัฐบาลอังกฤษในช่วงปี 2533 ถึง 2536 และหลังกองกำลังไออาร์เอประกาศหยุดยิงในปี 2537 แม็คกินเนสก็กลายเป็นหัวหน้าคณะเจรจาสันติภาพของพรรคซินน์เฟน นำไปสู่สนธิสัญญาสันติภาพ “กู๊ดฟรายเดย์” ในที่สุด
ในปี 2550 รัฐบาลที่แบ่งสรรอำนาจกันหลังสนธิสัญญาสันติภาพได้จัดตั้งขึ้น โดยแม็คกินเนสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ทำงานกับ เอียน เพสลีย์ นายกรัฐมนตรี จากพรรคดียูพีอย่างใกล้ชิดในฐานะผู้นำร่วมที่มีอำนาจเทียบเท่ากัน
ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองพรรคคู่แข่งซึ่งได้รับเสียงชื่นชมยังคงมีไปอย่างต่อเนื่องในยุค ปีเตอร์ โรบินสัน ที่รับตำแหน่งต่อจากเพสลีย์ ทว่าความขัดแย้งกับ อาร์ลีน ฟอสเตอร์ นายกรัฐมนตรีคนต่อมา กลับส่งผลให้แม็คกินเนสต้องลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อเดือนมกราคม
แม็คกินเนสเผยว่า อาการป่วยที่ทำให้ต้องหยุดพักจากการทำงานไประยะหนึ่งก่อนหน้านี้ไม่ใช่สาเหตุของการลาออก ขณะที่ความขัดแย้งของสองพรรค ส่งผลให้พรรคซินน์เฟน ปฏิเสธที่จะแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งแทนแม็คกินเนส
ท่าทีดังกล่าวส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองในไอร์แลนด์เหนือ เหตุเพราะนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ เป็นประมุขร่วม และนั่นหมายถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปกครองโดยตรงจากรัฐบาลส่วนกลางของอังกฤษ
อดีตรองนายกรัฐมนตรีพ่อลูกสี่ผู้คุ้นเคยกับผู้นำประเทศหลายคนรวมไปถึง “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2” เคยกล่าวถึงอนาคตของตนเองไว้ว่า ตนหวังว่าจะสามารถเป็นเอกอัครราชทูตเพื่อสันติภาพ เอกภาพและการปรองดองได้
“การปรองดอง สิ่งซึ่งผมยังคงเชื่อเสมอนั้นเป็นบันไดก้าวสำคัญก้าวต่อไปสำหรับกระบวนการสันติภาพ” แม็คกินเนส ผู้ซึ่งไม่ให้การรับรองการปกครองไอร์แลนด์เหนือของราชินีแห่งอังกฤษ ระบุ