ปรากฏการณ์ ‘ซิงซิง’ ต้นตอทลายแก๊งคอลเมียวดี

Xinhua via AP

ปรากฏการณ์ ‘ซิงซิง’ ต้นตอทลายแก๊งคอลเมียวดี

ปรากฏการณ์ทลายแก๊งคอลเมียวดีที่กินเวลานานราว 1 สัปดาห์ ที่นำไปสู่การช่วยเหลือผู้ที่ยังคงต้องตรวจสอบต่อไปว่าเป็น “เหยื่อ” หรือเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ภายใต้คำวิพากษ์วิจารณ์จากบางกลุ่มที่มองว่าจีนได้เข้ามาดำเนินการอันเป็นการละเมิดอธิปไตยและข้ามหน้าข้ามตารัฐไทยที่หลับหูหลับตาไม่ดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังฐานที่มั่นของแหล่งอาชญากรรมผิดกฎหมายในประเทศเมียนมา ซึ่งได้รับการยืนยันจากฝ่ายรัฐบาลโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วว่า เป็นการดำเนินการเชิงรุกภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาล 3 ประเทศคือไทย จีน และเมียนมา ที่จะต้องมีการจัดการอย่างเป็นระบบ และสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีก โดยมีการขึ้นทะเบียนห้ามคนจีนที่ถูกส่งกลับไปทั้งหมดกลับเข้ามาในประเทศไทยอีก

ต้องยอมรับว่าปัญหาข้ามชาติที่พบเห็นกันในปัจจุบันมีอยู่มากมาย มันไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพียงแค่อาชญากรรมข้ามชาติอย่างการค้ามนุษย์ ยาเสพติด แก๊งคอล หรือออนไลน์สแกมเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาจำนวนมากที่ได้กลายเป็นปัญหาข้ามพรมแดนในขณะนี้ อาทิ PM2.5 น้ำท่วม น้ำแล้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาในลักษณะดังกล่าว เพราะเราต้องยอมรับว่าด้วยสภาพของปัญหาที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจากพฤติกรรมของมนุษย์ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือภัยที่มาพร้อมกับพัฒนาการของเทคโนโลยี ทำให้ปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่เกี่ยวข้องในการแก้ไข เพราะมันเกินกำลังที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะรับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้เพียงลำพัง

กลับมาที่การทลายแหล่งแก๊งคอลในเมียวดี สิ่งที่เกิดขึ้นคือการสยายปีกของพญามังกรอย่างจีน ที่เหตุอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งจีนเทาได้กลายเป็นคำเรียกขานที่ทำลายภาพลักษณ์ของจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐบาลจีนจะพยายามดำเนินการในการปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมออนไลน์เหล่านี้ แต่ธุรกิจผิดกฎหมายมูลค่าหลายแสนล้านบาทท่ามกลางความเฟื่องฟูของเทคโนโลยีก็ไม่อาจจัดการได้ง่ายนัก

หากยังจำกันได้ในปี 2566 มีข่าวการช่วยเหลือคนไทยหลายร้อยคนที่กลายเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ในเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ที่ติดอยู่ท่ามกลางการสู้รบระหว่างกองกำลังทหารฝ่ายรัฐบาลและชนกลุ่มน้อย ในครั้งนั้นเส้นทางที่นำคนไทยออกมาจากเล้าก์ก่ายก็คือการเดินทางผ่านข้ามพรมแดนเข้าไปยังจีน ก่อนที่จะไปยังคุนหมิงและเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรองต่อไป

จากข้อมูลที่ได้ทราบ การให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติและคนจีนในเล้าก์ก่าย ณ เวลานั้น จีนจัดการกับชาวจีนที่เดินทางออกจากเล้าก์ก่ายในฐานะอาชญากรที่ต้องถูกใส่กุญแจมือเมื่อเดินทางข้ามพรมแดนมา เท่าที่เห็นจากปฏิบัติการในเมียวดี จีนก็ดำเนินการกับชาวจีนที่ถูกพากลับประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อนในลักษณะเดียวกัน จากภาพในสื่อจีนอย่างซินหัวหรือไชน่าเดลี คนจีนกว่า 628 คนที่ถูกนำตัวกลับโดยเครื่องบินจีนจากแม่สอด จ.ตาก ก็ถูกตำรวจประกบตัวพร้อมใส่กุญแจมือเมื่อถูกนำตัวลงจากเครื่องบิน เพื่อเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีตามกฎหมายภายในประเทศ

ADVERTISMENT

กระนั้นก็ดี สิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปฏิบัติการทลายแก๊งคอลในเมียวดีน่าจะมาจากการถูกหลอกให้เดินทางมายังไทยโดยกลุ่มสแกมเมอร์ ก่อนจะข้ามไปเมียวดีของ หวังซิง หรือ “ซิงซิง” นักแสดงจีนเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตทั้งในจีนและไทย ที่ส่งผลกระทบกับไทยทันทีในช่วงเทศกาลตรุษจีน จากการที่นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากพากันยกเลิกการเดินทางมายังไทย แต่นั่นยังไม่เท่ากับที่ข่าวดังกล่าวทำให้ทางการจีนเสียหน้าอย่างมาก เราจึงได้เห็นการปรากฏตัวของ นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะในปลายเดือนมกราคม ระหว่างที่เขาเดินทางเข้ามายังไทยและเมียนมา ซึ่งมาจากการประสานงานตรงของหน่วยงานความมั่นคงที่มีช่องทางในการติดต่อกันอยู่แล้ว

เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนนับจากการปรากฏตัวของนายหลิว จงอี ก็นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงและการจัดการกับแก๊งคอลด้วยมาตรการเด็ดขาด ทั้งการตัดไฟ ตัดสัญญานอินเตอร์เน็ต และตัดน้ำมันของไทย รวมถึงการออกหมายจับ พล.ต.หม่อง ชิตตู ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (บีจีเอฟ) และการดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับแก๊งคอลในเมียวดี ที่จะต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะเป็นแค่เพียงการสละอวัยวะส่วนน้อยเพื่อรักษาธุรกิจสีเทาในพื้นที่ให้อยู่ต่อไปได้ หรือจะสามารถขจัดฐานบัญชาการใหญ่ของธุรกิจผิดกฎหมายออกไปจากพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

ขณะนี้ยังมีรายงานว่ากองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (ดีเคบีเอ) ออกมาประกาศว่าพวกเขาประสบปัญหาในการดูแลชาวต่างชาติ 405 คนที่รวบรวมตัวมาแต่ไทยยังไม่รับ เพราะยังคงอยู่ในขั้นตอนการประสานงานกับสถานทูตแต่ละประเทศอยู่ และคนเหล่านี้อาจหลบหนีเข้ามาในไทย พร้อมกับให้ข้อมูลว่าเท่าที่ทราบคนส่วนใหญ่สมัครใจเข้าไปทำงานในเมียนมามากกว่าถูกหลอก คาดว่ากระบวนการส่งกลับบุคคลสัญชาติอื่นๆ นอกจากจีนที่เสร็จสิ้นไปแล้วกลับประเทศอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการประสานงาน ส่วนเหตุที่ไทยไม่ได้รับคนเหล่านั้นเข้ามาในฝั่งไทยทันที เพราะเมื่อข้ามกลับมา ไทยก็จะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ท่ามกลางวิกฤตงบประมาณให้ความช่วยเหลือที่ทุกวันนี้ก็ไม่สามารถพึ่งพาองค์การระหว่างประเทศได้มากนัก อันเป็นผลกระทบจากการตัดงบประมาณช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐที่ทำให้เกิดผลกระทบหนักในพื้นที่จังหวัดตากอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

การหลอกลวงออนไลน์ดังกล่าวไม่ได้เกิดแค่ในพื้นที่เพื่อนบ้านรอบๆ ประเทศไทย อย่างเมียนมา ลาว หรือกัมพูชาเท่านั้น แต่ในประเทศอาเซียนอื่นๆ อย่างฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไปจนถึงญี่ปุ่นและประเทศในแอฟริกาก็เจอกับปัญหานี้ไม่ต่างกัน เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่ทำให้ปัญหานี้เป็นดังมะเร็งร้ายที่ฝังลึก ส่วนหนึ่งมาจากการหลับหูหลับตาและรับเงินใต้โต๊ะจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง การจัดการกับการทุจริตคอรัปชั่นในพื้นที่จึงมีส่วนเชื่อมโยงตรงกับภาพใหญ่ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไปได้อย่างแท้จริง

หากจะมีใครบอกว่าไทยเสียหน้า เสียอธิปไตย ที่ต้องปล่อยให้จีนเข้ามาจัดการกับเรื่องนี้ ก็คงต้องตื่นมายอมรับความจริงให้ได้ก่อนว่า ไทยไม่อาจแก้ไขปัญหาแก๊งคอลและการหลอกลวงออนไลน์ได้เพียงลำพัง ปรากฏการณ์ปราบจีนเทาจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากจีนไม่ลงมาดำเนินการด้วยตนเอง และมีเพียงการมีส่วนร่วมและการใช้อิทธิพลของประเทศใหญ่อย่างจีนเท่านั้น ที่จะทำให้ประเทศต่างๆ รวมถึงชนกลุ่มน้อยในเมียนมาทำในสิ่งที่ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ครั้งนี้ได้