แตกหัก! ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารยูเครน ซัดเซเลนสกีไม่ต้องการสันติภาพ

AP

แตกหัก! ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารยูเครน ซัดเซเลนสกีไม่ต้องการสันติภาพ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ สั่งระงับการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนแล้ว หลังการหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ที่ล้มเหลว ขณะที่ทรัมป์พยายามสร้างแรงกดดันให้เซเลนสกีเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์มุ่งเน้นให้มีการบรรลุข้อตกลงสันติภาพ เพื่อยุติสงครามยูเครนที่ดำเนินมานานกว่า 3 ปีซึ่งเกิดจากการรุกรานของรัสเซีย และต้องการให้เซเลนสกีมุ่งมั่นต่อการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

“สหรัฐได้ระงับและทบทวนความช่วยเหลือที่ให้กับยูเครน เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังมีส่วนสนับสนุนการแก้ไขปัญหา” เจ้าหน้าที่ที่ไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ระบุ

ADVERTISMENT

หลังทรัมป์และเซเลนสกีปะทะกันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ทรัมป์ยังกล่าวโจมตีเซเลนสกีที่กล่าวที่พูดขณะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อเขาเดินทางไปร่วมประชุมกับผู้นำยุโรปที่กรุงลอนดอนว่า การสิ้นสุดของสงครามระหว่างยูเครน-รัสเซียนั้นยังคงยาวไกลมาก

ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ของเขาว่า “นี่คือคำพูดที่แย่ที่สุดที่เซเลนสกีจะพูดออกมาได้ และอเมริกาจะไม่ทนกับมันอีกต่อไป!” และว่า “ผู้ชายคนนี้ไม่ต้องการให้เกิดสันติภาพตราบใดที่เขาได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา และในการประชุมกับเซเลนสกี ยุโรปก็ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่สามารถทำงานนี้ได้โดยปราศจากอเมริกา ซึ่งอาจจะไม่ใช่คำกล่าวที่ดีนักที่จะแสดงออกถึงความเข้มแข็งของรัสเซีย” โดยทรัมป์เสริมในโพสต์โดยตั้งคำถามว่า “พวกเขาคิดอะไรอยู่?”

ADVERTISMENT

ทรัมป์ยังได้พูดถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งที่ทำเนียบขาวว่า “ผมหวังอย่างยิ่งว่าเรื่องที่เขาพูดนั้นจะไม่ถูกต้อง” และเสริมว่า “ถ้าใครไม่ต้องการทำข้อตกลง คนๆ นั้นคงไม่อยู่แถวนี้นาน และคนๆ นั้นก็จะไม่ได้รับการฟังอะไรนานๆ ด้วยเช่นกัน”

ทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเซเลนสกีที่บอกว่าต้องใช้เวลานานในการหาข้อตกลงเพื่อยุติสงคราม ในขณะที่ผู้นำยูเครนพยายามที่จะนำเสนอภาพลักษณ์เชิงบวกในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-ยูเครนหลังจากการประชุมทำเนียบขาวในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในการสัมภาษณ์ที่กลายเป็นต้นตอของปัญหาระลอกใหม่ เซเลนสกีถูกถามเกี่ยวกับข้อริเริ่มใหม่ของยุโรปในการยุติสงครามรัสเซีย ซึ่งเขาตอบว่า “วันนี้เรากำลังพูดถึงก้าวแรก ฉะนั้นจนกว่ามันจะเป็นข้อตกลงบนกระดาษ ผมไม่อยากพูดถึงรายละเอียดมากนัก การทำข้อตกลงเพื่อยุติสงครามยังห่างไกลมาก และยังไม่มีใครเริ่มต้นขั้นตอนเหล่านี้เลย”

เซเลนสกีโพสต์บนโซเชียลมีเดียไม่นานหลังจากทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์รอบล่าสุด โดยเขาไม่ได้อ้างถึงความคิดเห็นของทรัมป์โดยตรงแต่ย้ำว่า “เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องพยายามทำให้การทูตของเรามีเนื้อหาสาระจริงๆ เพื่อยุติสงครามนี้โดยเร็วที่สุด เราต้องการสันติภาพที่แท้จริง และชาวยูเครนต้องการมันมากที่สุด เพราะสงครามทำลายเมืองและชุมชนของเรา เราสูญเสียผู้คนของเราไป เราจำเป็นต้องหยุดสงครามและต้องมีการรับประกันความปลอดภัย”

ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ กล่าวว่า ท่าทีของเซเลนสกีระหว่างการเจรจาที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์นั้นทำให้เกิดคำถามว่า เขาคือบุคคลที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐจะสามารถทำงานร่วมได้ในอนาคตหรือไม่

“เซเลนสกีพร้อมหรือไม่ทั้งในทางส่วนตัวและในทางการเมือง ที่จะนำพาประเทศของเขาไปสู่การยุติการสู้รบ และเขาสามารถและจะยอมทำการประนีประนอมที่จำเป็นได้หรือไม่” วอลซ์กล่าวขณะให้สัมภาษณ์กับรายการของฟอกซ์นิวส์

วอลซ์ยังทำให้ความสงสัยเพิ่มขึ้นอีกชั้นเกี่ยวกับการสนับสนุนของสหรัฐ ขณะที่พันธมิตรระดับผู้บริหารอีกหลายคนของทรัมป์ต่างแสดงความเห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์และเซเลนสกีกลายเป็นสิ่งที่เกินจะทนอีกต่อไป

ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เซเลนสกีต้องกลับมามีสติและกลับมาที่โต๊ะเจรจาด้วยความขอบคุณ มิฉะนั้นจะต้องมีคนอื่นมาเป็นผู้นำประเทศ เพื่อให้ยูเครนเดินหน้าตามข้อตกลงสันติภาพที่สหรัฐจะเดินหน้าเจรจากันต่อไป

ด้านลินด์เซย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกสหรัฐซึ่งเป็นพันธมิตรของทรัมป์ที่สนับสนุนยูเครนอย่างแข็งแกร่ง กล่าวหลังการประชุมที่ทำเนียบขาวจบลงไม่นานว่า เซเลนสกีต้องลาออก และส่งใครสักคนที่เราสามารถทำงานร่วมด้วยมา หรือไม่เขาก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image