สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า บรรดาผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวคำปฏิญาณที่จะเดินหน้าสู่อนาคตร่วมกันอีกครั้ง ในการประชุมพิเศษจัดขึ้นที่กรุงโรม ประเทศอิตาลีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของอียู โดยปราศจากสหราชอาณาจักร
ในการพบปะกันที่ไม่มีนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ สมาชิกอียูที่เหลือ 27 ชาติลงนามในปฏิญญาแห่งความเป็นเอกภาพ ที่หอดูดาวปาลาซโซ เด คอนแซร์วาตอรี บนแคปิตอไลน์ฮิลล์ หรือเนินเขาคัมปิโดโย ในกรุงโรม อันเป็นสถานที่ซึ่ง 6 ชาติผู้ก่อตั้งอียูลงนามในสนธิสัญญาโรม อันเป็นจุดกำเนิดของการก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (อีอีซี) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2500 ก่อนจะพัฒนามาเป็นอียูในปัจจุบัน
ในช่วงเวลาที่อียูเผชิญกับวิกฤตต่างๆ นานา ทั้งเรื่องผู้อพยพ เศรษฐกิจหยุดชะงัก การก่อการร้ายและประชานิยม รวมถึงการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหราชอาณาจักร หรือเบร็กซิท นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป เรียกร้องความเป็นผู้นำเพื่อค้ำยันสถานะของกลุ่มประชาคมร่วมแห่งนี้
“จงพิสูจน์ในวันนี้ว่าพวกคุณเป็นผู้นำแห่งยุโรป ว่าคุณใส่ใจมรดกตกทอดที่รับช่วงต่อมาจากวีรบุรุษผู้บูรณาการยุโรปเข้าด้วยกันเมื่อ 60 ปีที่แล้ว” นายทัสค์กล่าว
นายเปาโล เจนติโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าวติดตลกด้วยว่า “ห้องอาจจะคับแคบไม่สะดวกสบายไปซักเล็กน้อย เพราะเมื่อตอนนั้นมีผู้เข้าร่วมลงนามจากแค่ 6 ประเทศเท่านั้น”
“เรามี 60 ปีแห่งสันติภาพในยุโรป และเราเป็นหนี้ในความกล้าหาญของเหล่าบิดาผู้ก่อตั้งอียู หลังจากเราเพิ่งเผชิญวิกฤตเมื่อไม่นานมานี้ เราจำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่ และเรามีความแข็งแกร่งในการทำเช่นนั้น” นายกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าว
หลังจากนั้นผู้นำอียูทั้ง 27 ชาติได้ลงนามในปฏิญญาโรมที่ระบุว่า “ยุโรปเป็นอนาคตร่วมกัน” ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป พร้อมด้วยเสียงปรมมืออย่างกึกก้อง
นายฟรองซัวส์ โอลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่า “สารจากกรุงโรมคือเราแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่ออยู่ร่วมกัน” ขณะที่นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีระบุว่า “นี่เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ของยุโรป”
/ AFP PHOTO / Tiziana FABI
