| ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชน |
|---|---|
| ผู้เขียน | มนต์ทิพย์ ธานะสุข |
| เผยแพร่ |
คอลัมน์ไฮไลต์โลก: เปิดไอเดีย’ทรัมป์’ เล็งตั้งกองทุนสำรองคริปโทฯ
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีคึกคักขึ้นในบัดดลหลังจากสุดสัปดาห์ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐ เผยถึง 5 สกุลเงินดิจิทัล ได้แก่ บิตคอยน์ (BTC) อีเทอร์ (Ether) เอ็กซ์อาร์พี (XRP) โซลานา (Solana) และคาร์ดาโน (Cardano) ที่เขาเล็งจะกำหนดให้สะสมเป็นกองทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์ใหม่ของสหรัฐ โดยชูบิตคอยน์และอีเทอร์ เป็นโทเคนหลัก ซึ่งมีขึ้นหลังจากทรัมป์ใช้อำนาจฝ่ายบริหารให้ตั้งกลุ่มทำงานสำรวจศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งกองทุนสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงยุทธศาสตร์ขึ้น
หลายคนสงสัยและตั้งคำถามว่ากองทุนสำรองทางยุทธศาสตร์ใหม่นี้คืออะไร? จะมีหน้าตาอย่างไรและจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้หรือไม่อย่างไร?
เท่าที่หาข้อมูลได้พอจะเห็นภาพคร่าวๆ ว่า กองทุนสำรองนี้ก็เหมือนกับกองทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ ที่เป็นแหล่งสะสมทรัพยากรสำคัญที่สามารถนำเอาออกมาใช้ในยามบ้านเมืองเผชิญวิกฤตหรือเมื่อเกิดภาวะชะงักงันในการจัดหาอุปทาน เช่น สหรัฐมีการสำรองน้ำมันดิบเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งถือเป็นแหล่งสำรองน้ำมันดิบฉุกเฉินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตั้งขึ้นในปีค.ศ.1975 หลังจากการคว่ำบาตรน้ำมันอาหรับในปี 1973-1974 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐและมีการใช้น้ำมันดิบสำรองนี้เพื่อบรรเทาตลาดน้ำมันในช่วงภาวะสงคราม แคนาดาก็มีการสำรองเมเปิลไซรัปที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือจีนก็มีการสำรองทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์อย่างโลหะ ธัญพืชและเนื้อหมู
วิธีการในการตั้งกองทุนสำรองคริปโทฯ ตามแผนของทรัมป์เป็นอย่างไรนั้นยังไม่แน่ชัด แต่กลุ่มทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับมอบหมายให้ประเมินความเป็นไปได้ในการตั้งกองทุนดังกล่าวจากเหรียญคริปโทฯ ที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐยึดมาได้ ซึ่งปัจจุบันมีบิตคอยน์อยู่ราว 198,109 เหรียญ มีมูลค่าตามราคาตลาดราว 18,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการนำบิตคอยน์เหล่านั้นออกมาจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐที่ยึดเอาไว้ได้อย่างไร ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีการระบุว่ารัฐบาลทรัมป์จะเพิ่มทุนสำรองคริปโทฯ ด้วยการซื้อบิตคอยน์หรือโทเคนอื่นๆ จากตลาดเปิดหรือไม่
ก่อนหน้านี้มีข้อเสนอแผนที่เป็นรูปธรรมที่สุดเกี่ยวกับทุนสำรองบิตคอยน์จาก ซินเธีย ลัมมิส สว.พรรครีพับลิกัน ที่เสนอร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโทฯ ซึ่งจะให้ดำเนินการโดยกระทรวงการคลังสหรัฐ โดยการให้ตั้งโครงการเพื่อซื้อบิตคอยน์จำนวน 200,000 เหรียญต่อปีเป็นเวลา 5 ปีจนสำรองบิตคอยน์ได้ 1 ล้านโทเคน หรือคิดเป็นราว 5% ของเหรียญบิตคอยน์ทั่วโลกที่มีทั้งหมดราว 21 ล้านบิตคอยน์ โดยกระทรวงการคลังจะนำกำไรจากเงินฝากของธนาคารกลางสหรัฐและการถือทองคำเป็นเงินทุนในการซื้อบิตคอยน์ ก็ไม่รู้ว่าร่างข้อเสนอนี้ได้รับการตอบรับหรือไม่
ทรัมป์เคยแนะว่าการสำรองบิตคอยน์จะช่วยทำให้สหรัฐครองตลาดบิตคอยน์โลกได้ ในขณะเผชิญหน้ากับการแข่งขันจากจีนเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดีบรรดาผู้ที่มีความกังขากับคริปโทฯ มองว่าการใช้คริปโทฯ อย่างบิตคอยน์ เป็นทุนสำรองนั้นมีความเสี่ยง เนื่องจากเป็นเงินสกุลที่ยังใหม่และมีความผันผวนมากเกินไป อีกทั้งยังมีความเสี่ยงอย่างมากต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์อีกด้วย
จากนี้คงต้องรอฟังว่าเรื่องนี้จะมีรายละเอียดชัดเจนมากขึ้นเมื่อใด เชื่อว่าหลายฝ่ายจับตาดูอยู่ว่าจะก่อแรงกระเพื่อมอะไรให้กับโลกอีกหรือไม่
