‘ดูแตร์เต’ อดีตปธน.ปินส์ ลั่นพร้อมเข้าคุก หากศาลอาญาโลกออกหมายจับ ปมทำสงครามปราบยาเสพติด
อดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ ประกาศว่าพร้อมสำหรับการจับกุม หากศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) ออกหมายจับกุมเขาจริงจากกรณีทำสงครามปราบปรามยาเสพติดในขณะที่เขาเป็นผู้นำรัฐบาลบริหารประเทศ ซึ่งมีการกล่าวหาว่าได้มีการวิสามัญฆาตกรรมจนทำให้มีผู้ถูกสังหารเสียชีวิตมากมายหลายพันคน
อดีตประธานาธิบดีดูแตร์เตกล่าวถึงความพร้อมดังกล่าวในระหว่างการปราศรัยหาเสียงกับแรงงานชาวฟิลิปปินส์ในฮ่องกงจำนวนหลายพันคน ที่มารวมตัวกันอยู่ที่สนามกีฬา Southorn Stadium ในฮ่องกง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ในการหาเสียงสนับสนุนให้กับผู้สมัครของเขาในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในศึกเลือกตั้งกลางเทอมของฟิลิปปินส์ที่กำลังจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้
ดูแตร์เตกล่าวว่า “สมมติว่า(หมายจับ)เป็นจริง แล้วทำไมผมถึงทำมัน? เพื่อตัวเอง? เพื่อครอบครัวของผมเหรอ? แต่เพื่อคุณและลูกของคุณ และเพื่อประเทศของเรา” ดูแตร์เตกล่าว โดยชี้แจงเหตุผลถึงการรณรงค์ปราบปรามยาเสพติดอย่างหนักในสมัยรัฐบาลของเขา อดีตผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวอีกว่า “หากมันเป็นชะตากรรมของผม ก็ไม่เป็นไร ผมจะยอมรับมัน พวกเขาสามารถจับผม ขังผมได้”
มีรายงานว่าการมาปรากฎตัวที่ฮ่องกงครั้งนี้ของอดีตผู้นำฟิลิปปินส์รายนี้ มีหน่วยตำรวจชั้นนำของฮ่องกงที่ทำหน้าที่ปกป้องบุคคลสำคัญประจำการอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับโรงแรมที่อดีตประธานาธิบดีดูแตร์เตพักอยู่ด้วย
ด้านสำนักงานความมั่นคงและตำรวจฮ่องกงไม่ได้ตอบสนองต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ที่รายงานข่าวนี้และได้สอบถามขอความเห็นในเรื่องอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ไป
ทั้งนี้การรณรงค์ปราบปรามยาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลนายดูแตร์เตที่ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในปี 2016
สำนักงานของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์คนปัจจุบัน เปิดเผยในวันเดียวกันว่ายังไม่ได้รับการติดต่ออย่างเป็นทางการจากอินเตอร์โพลหรือตำรวจสากล แต่ระบุว่าอาจมีการส่งตัวดูแตร์เตให้ได้ โดยผู้ช่วยเลขานุการฝ่ายสื่อของสำนักงานประธานาธิบดีฟิลิปปินส์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของเราพร้อมที่จะปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด หากต้องดำเนินการตามหมายจับตามคำขอจากอินเตอร์โพล
อย่างไรก็ดียังไม่ชัดเจนว่านายดูแตร์เตจะพำนักอยู่ในฮ่องกง เขตปกครองพิเศษของจีนนานเท่าไร ขณะที่ฮ่องกงไม่ได้เป็นภาคีของไอซีซี เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ที่ได้ถอนตัวออกจากอนุสัญญาก่อตั้งไอซีซีไปแล้วในปี 2019 หลังจากไอซีซีเริ่มดำเนินการสอบสวนข้อกล่าวหาว่ามีการวิสามัญฆาตกรรมอย่างเป็นระบบในฟิลิปปินส์จากการทำสงครามปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลดูแตร์เต
