คอลัมน์ แกะรอยต่างแดน: “แบ็บค็อก แรนช์” ชุมชนรักษ์สิ่งแวดล้อม

เรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กลายเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงกันอย่างมากในปัจจุบัน หากแต่การใช้ชีวิตประจำวัน บางอย่างก็สวนทางกับสิ่งที่ควรจะเป็น

ซิด คิตสัน อดีตนักอเมริกันฟุตบอล เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีความคิดเรื่อง เมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมานานกว่าสิบปีแล้ว

เขาก็เลยนำที่ดินที่ซื้อไว้แถวๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐฟลอริดาเอาไว้เมื่อปี 2006 ซึ่งเหลืออยู่ประมาณ 72 ตารางกิโลเมตร หลังจากขายไปราว 300 ตารางกิโลเมตร ให้แก่รัฐฟลอริดาสำหรับใช้เป็นเขตอนุรักษ์สัตว์ป่า วางแผนสร้างเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขึ้นราวครึ่งหนึ่งของพื้นที่ที่เหลือ แล้วอีกครึ่งก็ปล่อยให้เป็นพื้นที่เปิดและปล่อยไปตามธรรมชาติ

โครงการเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมชะงักไปในช่วงปี 2007 เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่หลังจากเศรษฐกิจดีขึ้น เขาก็เริ่มโครงการต่อและเสร็จสิ้นโครงการในระยะแรกกลายเป็นชุมชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขึ้นในชื่อเมือง “แบ็บค็อก แรนช์”

Advertisement

ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือยานพาหนะที่ใช้ในเมืองนี้ จะใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่นการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ชัทเทิลบัสที่ไม่ต้องใช้คนขับ ร้านอาหารที่เป็นอาหารที่ได้จากของสดที่มาจากฟาร์ม บ้านที่สร้างขึ้นด้วยเทคนิคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งครัวที่อยู่นอกบ้าน หรือจะเป็นเพดานของบ้านที่สร้างไว้สูงๆ

ที่สำคัญ เมืองนี้ยังมีโซลาร์ฟาร์มที่มีพื้นที่ราว 1.7 ตารางกิโลเมตร ทำหน้าที่เป็นแหล่งสร้างพลังงานให้แก่แหล่งพลังงานในท้องถิ่น คือ บริษัท ฟลอริดา พาวเวอร์ แอนด์ ไลท์ เพื่อคอยให้พลังงานแก่บ้านเรือนในพื้นที่ที่มีอยู่เกือบ 20,000 หลัง

ในส่วนของสนามกอล์ฟซึ่งเป็นที่นิยมสร้างกันในหลายเมืองของฟลอริดานั้น ยังไม่มีอยู่ในแผน หากแต่มีผู้ที่อยากเล่นกอล์ฟย้ายเข้ามาอยู่มากพอ ทางโครงการก็จะสร้างสนามกอล์ฟขึ้นมา แต่จะไม่ใช่สนามกอล์ฟธรรมดา หากแต่ต้องเป็นสนามกอล์ฟที่มีมาตรฐานสูง มีความยั่งยืน ใช้ระบบน้ำแบบที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

Advertisement

และแบ็บค็อก แรนช์ ที่ถือว่าเป็น “เมืองยั่งยืน” แห่งแรกของรัฐฟลอริดา เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าไปซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยได้แล้ว สำหรับบ้านที่มี 3 ห้องนอน จะขายอยู่ที่ 469,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะมีราคาที่แพงกว่าราคาเฉลี่ยของบ้านในขนาดพอๆ กันในเขตพื้นที่เดียวกันถึง 2 เท่า

แต่แม้ว่าราคาจะสูงกว่าบ้านทั่วไป หากแต่ก็มีผู้ที่สนใจเข้ามาดูมาชมกันกว่า 15,000 คน เพราะทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นอยากจะเห็นเหลือเกินว่าเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น จะเป็นอย่างไร

คาดว่าจะให้ผู้คนย้ายเข้าไปอยู่อาศัยกันได้ราวๆ เดือนพฤษภาคมนี้ และคาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า เมืองนี้จะเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนราว 50,000 คน

เป็นแบบอย่างของเมืองยั่งยืนอีกแห่งหนึ่งบนโลกนี้ และถือเป็นอีกแรงกำลังเพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image