โลกผวา! ทรัมป์แบไต๋ หาช่องดำรงตำแหน่งปธน.สมัย 3
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ยืนยันว่า เขาไม่ได้ล้อเล่นเกี่ยวกับความพยายามที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งเป็นการส่งสัญญานที่ชัดเจนที่สุดว่า เขาครุ่นคิดพิจารณาหาวิธีที่จะทำลายอุปสรรคตามรัฐธรรมนูญสหรัฐ เพื่อที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศต่อไปหลังการดำรงตำแหน่งวาระที่ 2 ของเขาจะสิ้นสุดลงในต้นปี 2029
ทรัมป์กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ NBC News จากมาร์-อา-ลาโก บ้านพักในรัฐฟลอริดาของเขาว่า มีวิธีการต่างๆ ที่คุณสามารถทำได้ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะคิดถึงเรื่องนี้
คริสเตน เวลเกอร์ จาก NBC ถามทรัมป์ว่า แนวทางที่เป็นไปได้ในการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 คือให้รองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และจากนั้นก็ส่งไม้ต่อให้คุณได้หรือไม่
ทรัมป์ตอบว่า “นั่นก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่ยังมีวิธีอื่นอีก” เมื่อเวลเกอร์ถามทรัมป์ต่อว่า “คุณบอกวิธีอื่นให้ฉันฟังได้ไหม” ทรัมป์ปฏิเสธว่า ไม่
ทรัมป์ซึ่งจะมีอายุ 82 ปีเมื่อการดำรงตำแหน่งของเขาในวาระที่ 2 จบลง ถูกถามว่าเขาต้องการดำรงตำแหน่งที่ยากที่สุดในประเทศต่อไปเมื่อถึงจุดนั้นหรือไม่ ทรัมป์กล่าวว่า “ผมชอบทำงาน”
ทรัมป์ยังบอกด้วยว่า คนอเมริกันจะยอมรับการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 เพราะความนิยมของเขา พร้อมกับอ้างอย่างผิดๆ ว่า เขามีคะแนนนิยมสูงสุดในบรรดาพรรครีพับลิกันในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา
ข้อมูลของแกลลัพโพลแสดงให้เห็นว่าประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้รับคะแนนนิยมถึง 90% หลังจากเหตุการณ์โจมตีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ส่วนประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู บุช บิดาของเขา ได้รับคะแนนนิยมถึง 89% หลังจากสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1991
ขณะที่ทรัมป์ได้รับคะแนนนิยมสูงสุดที่ 47% ในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 แม้เขาจะอ้างว่า คะแนนนิยมอยู่ที่ 70 กว่าๆ ในผลโพลหลายๆ ครั้งก็ตาม
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 22 ในปี 1951 หลังจากประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ ได้รับเลือกตั้ง 4 สมัยติดต่อกัน ระบุว่า “ไม่มีบุคคลใดจะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกินกว่า 2 ครั้ง”
ความพยายามใดๆ ที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปถือเป็นเรื่องทำให้เกิดข้อสงสัยทางกฎหมาย และยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์จะจริงจังกับแนวคิดนี้มากเพียงใด อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความปรารถนาที่จะรักษาอำนาจของเขา
แดเนียล โกลด์แมน สมาชิกสภาผู้แทนพรรคเดโมแครตจากนิวยอร์ก ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาหลักในการถอดถอนทรัมป์ครั้งแรก ระบุในแถลงการณ์ว่า นี่เป็นการยกระดับความพยายามอย่างชัดเจนของเขา ที่จะยึดครองรัฐบาลและทำลายประชาธิปไตยของเรา หากสมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกันเชื่อมั่นในรัฐธรรมนูญ พวกเขาจะต้องออกมาคัดค้านความทะเยอทะยานของทรัมป์ในการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3
ด้านสตีฟ แบนนอน อดีตนักยุทธศาสตร์ของทรัมป์ที่ดำเนินรายการพอดแคสต์แนวขวาจัด “War Room” เรียกร้องให้ทรัมป์ลงสมัครอีกครั้งระหว่างการกล่าวถ้อยแถลงในงาน Conservative Political Action Conference เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า เราต้องการให้ทรัมป์ลงชิงชัยในปี 2028
เคย์ลา ธอมป์สัน อดีตผู้ช่วยทนายความวัย 30 ปีในวิสคอนซิน ซึ่งเข้าร่วมงานหาเสียงกับอีลอน มัสก์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม สำหรับการสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาของรัฐกล่าวว่า แน่นอนว่าเธออยากให้ทรัมป์ดำรงตำแหน่งอีกสมัย เพราะอเมริกาต้องการเขา อเมริกากำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง และหากเขาไม่ทำ เราก็คงจะเดินถอยหลัง
เจเรมี พอล ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญจากมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์นในบอสตันกล่าวว่า ไม่มีข้อโต้แย้งทางกฎหมายที่น่าเชื่อถือใดๆ ที่ทำให้เขาสามารถลงสมัครเป็นสมัยที่ 3 ได้
เดเร็ค มุลเลอร์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายการเลือกตั้งที่นอเทรอดาม ตั้งข้อสังเกตว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 12 ซึ่งได้รับการรับรองในปี 1804 ระบุว่า “บุคคลที่ไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตามรัฐธรรมนูญจะไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา”
มุลเลอร์กล่าวว่านั่นบ่งชี้ว่า หากทรัมป์ไม่มีสิทธิ์ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งเนื่องจากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 22 เขาก็ไม่มีสิทธิ์ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีเช่นกัน
“ผมไม่คิดว่าจะมี ‘กลเม็ดแปลกๆ’ ใดๆ ที่จะหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้” มุลเลอร์กล่าว
นอกจากนี้ การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 จะต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางและรัฐ รวมถึงศาลและผู้มีสิทธิเลือกตั้งเอง
มุลเลอร์มองว่า ทรัมป์กำลังพูดถึงการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 ด้วยเหตุผลทางการเมืองเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะ “ประธานาธิบดีที่ไร้ความสามารถอย่างทรัมป์ มีแรงจูงใจทุกอย่างในโลกที่จะทำให้ดูเหมือนว่าเขายังไม่หมดอำนาจ”