‘ทรัมป์-สตาร์เมอร์’ ถกชื่นมื่น จ่อทำข้อตกลงเศรษฐกิจ หนีภาษีรถยนต์
โฆษกของรัฐบาลสหราชอาณาจักรแถลงว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 30 มีนาคม นายเคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้หารือกันอย่างสร้างสรรค์ผ่านทางโทรศัพท์ ในเรื่องข้อตกลงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ โดยทั้งคู่เน้นย้ำว่าจะดำเนินการเจรจาต่อไปในสัปดาห์นี้ และตกลงที่พูดคุยในเรื่องนี้ต่อไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
การเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 มีนาคมว่า สหราชอาณาจักรต้องการที่จะเจรจาในข้อตกลงกับสหรัฐเพื่อหลีกเหลี่ยงมาตรการภาษีต่างตอบแทนเหมือนกับอีกหลายประเทศ ทั้งนี้ ทรัมป์เน้นย้ำว่า รัฐบาลสหรัฐจะดำเนินมาตรการภาษีที่มีกำหนดการบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน อย่างแน่นอน
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า สหราชอาณาจักรพยายามที่จะหลีกเลี่ยงมาตรการเก็บภาษีรถยนต์ 25% โดยมูลค่าการส่งออกรถยนต์ของสหราชอาณาจักรอยู่ที่ประมาณ 7.6 พันล้านปอนด์ต่อปี โดยมีสหรัฐเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 รองจากสหภาพยุโรป ทำให้มาตรการภาษีของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อบริษัทผลิตรถยนต์ Rolls-Royce และ Aston Martin ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวว่า หากรถยนต์มีราคามีเพิ่มขึ้นจะทำให้คนหันมาซื้อรถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐมากขึ้น
สตาร์เมอร์เคยระบุด้วยว่า เขาไม่ต้องการให้เกิดสงครามการค้ากับสหรัฐ พร้อมกับเน้นย้ำว่าความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและสหราชอาณาจักรนั้นไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเสียเปรียบเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ อย่างไรก็ดี สหราชอาณาจักรมีสิทธิที่จะดำเนินมาตรการภาษีตอบโต้เช่นกัน กระนั้นก็ดี หน่วยงานงบประมาณอิสระของสหราชอาณาจักร แถลงเตือนว่า สงครามการค้าส่งผลกระทบในแง่ลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในมูลค่าหลายพันล้านปอนด์
โฆษกรัฐบาลสหราชอาณาจักร แถลงเพิ่มเติมว่า ทรัมป์และสตาร์เมอร์ยังได้พูดคุยกันในเรื่องการกดดันรัสเซียเรื่องสงครามยูเครน พร้อมกับระบุว่า ระหว่างการหารือ ทรัมป์ส่งคำอวยพรให้สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่สามแห่งสหราชอาณาจักรหลังจากที่ทรงได้รับผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งในช่วงต้นของสัปดาห์อีกด้วย