
โสมแดงอัด ญี่ปุ่น-สหรัฐ จับมือร่วมผลิตขีปนาวุธ ชี้เพิ่มความเสี่ยงความมั่นคงภูมิภาค
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกาหลีเหนือได้วิจารณ์ข้อตกลงล่าสุดระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาที่จะร่วมกันผลิตขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ (Air-to-Air Missiles) AIM-120 ว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงด้านความมั่นคงในภูมิภาคและเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าสหรัฐพยายามผลักดันให้ญี่ปุ่นสร้างกองกำลังทหาร
สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้ลงนามข้อตกลงที่จะเร่งการร่วมผลิตขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-120 ระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) รายงานโดยอ้างความเห็นของรองอธิบดีกระทรวงกลาโหมเกาหลีเหนือว่า ความร่วมมือในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ระหว่างทั้งสองประเทศนั้นมีจุดมุ่งหมายทางทหารและก้าวร้าวที่พุ่งเป้าไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวของเกาหลีเหนือระบุว่า การขยายการใช้อาวุธในลักษณะดังกล่าวที่ถูกใช้ในเครื่องบินที่มักมีส่วนร่วมในการซ้อมรบในภูมิภาคซึ่งเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงอย่างร้ายแรงอยู่แล้วนั้น ยิ่งเพิ่มองค์ประกอบใหม่ของความไร้เสถียรภาพในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ยิ่งไปกว่านั้น ศูนย์กลางของยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงทางทหารที่มีสหรัฐเป็นผู้ถืออำนาจสูงสุดนั้นกำลังเปลี่ยนไป และถือเป็นสัญญาณเตือนใหม่สำหรับสังคมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
เคซีเอ็นเอรายงานอีกว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวให้ความเห็นความ ข้อตกลงดังกล่าวระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นมีขึ้นขณะที่สหรัฐมีส่วนรู้เห็นเป็นใจและผลักดันให้ญี่ปุ่นกลายเป็นมหาอำนาจทางทหารนับตั้งแต่ศตวรรษก่อนหน้านี้
ทั้งเฮกเซธและรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่นได้มีการลงนามข้อตกลงในการเร่งแผนการร่วมผลิตขีปนาวุธอากาศสู่อากาศและพิจารณาที่จะร่วมกันผลิตขีปนาวุธพื้นดินสู่อากาศ โดยเฮกเซธเน้นย้ำความสำคัญของบทบาทของญี่ปุ่นในการต้านทานกับจีน รวมถึงภัยคุกคามของจีนในช่องแคบไต้หวัน