วิเคราะห์ชี้ ภาษีทรัมป์ทำเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ราคาสินค้า-เงินเฟ้อสหรัฐจ่อพุ่ง
จากกรณีที่ประธาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีศุลกากรเมื่อวันที่ 2 เมษายน ทำให้ไทยเผชิญกับภาษีนำเข้า 36% ขณะที่จีนประสบกับตัวเลขภาษีที่เพิ่มขึ้นอีก 34% สหภาพยุโรปจะโดนเรียกเก็บภาษี 20% ประกอบกับการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทุกประเภท 10% โดยทรัมป์อ้างว่า มาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ พร้อมกับกล่าวว่า ระเบียบโลกด้านเศรษฐกิจที่สหรัฐได้ก่อร่างหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นทำให้สหรัฐถูกปล้นโดยประเทศอื่น ซึ่งทรัมป์กล่าวว่า “ผู้เสียภาษีถูกปล้นมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี แต่นั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป”
ทั้งนี้ จำนวนภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศของสหรัฐเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและราคาสินค้าจำเป็น อย่างบ้าน รถยนต์และเสื้อผ้าจะเพิ่มสูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน มาตรการภาษีทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและประเทศพันธมิตรเกิดความระส่ำระสาย ทั้งยังส่งผลให้โครงสร้างเศรษฐกิจโลกเกิดการสั่นคล่อนและอาจจะทำให้สงครามการค้าขยายตัวในวงกว้างมากขึ้น ทั้งนี้ ทรัมป์เน้นย้ำว่า มาตรการภาษีดังกล่าวเป็นการกระทำที่ “ใจดีอย่างมากแล้ว”
สก็อตต์ ลินซิโคมและโคลิน แกรโบว์ นักวิเคราะห์สถาบันกาโต้กล่าวว่า “จากการประกาศมาตรการภาษีในวันนี้จะทำให้ตัวเลขภาษีศุลกากรของสหรัฐใกล้เคียงกับตัวเลขภาษีในรัฐบัญญัติภาษีศุลกากรสมูท-ฮอว์ลีย์ปี 1930 ซึ่งเคยจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ของโลก อีกทั้ง รัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเคยประกาศเมื่อปี 2024 ว่า ภาษีศุลกากรและความไม่สมดุลการค้าส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลทางการค้าที่มีมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้วด้วย
โอลู โซโนลา หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านเศรษฐกิจของฟิชเรตติ้งส์ กล่าวว่า มาตรการภาษีของทรัมป์จะทำให้อัตราภาษีศุลกากรโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นไปที่ตัวเลข 22% จาก 2.5% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในปี 2024 พร้อมกล่าวว่า “หลายประเทศจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย” ด้วย
ในขณะเดียวกัน ซูแซน เดลเบน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากวอชิงตัน ดี.ซี. ของพรรคเดโมแครต ชี้ว่า ภาษีศุลกากร“เป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวายและความผิดปกติ” และระบุว่า ประธานาธิบดีไม่ควรมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการขึ้นอัตราภาษี ซึ่งเขาตั้งใจที่จะทำเรื่องนี้โดยปราศจากการเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภา พร้อมกล่าวอีกว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันปิดหูปิดตาซื่อสัตย์กับทรัมป์
ทั้งนี้ สมาชิกพรรครีพับลิกันบางรายก็แสดงความกังวลว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจจะส่งผลกระทบต่อการอัตราการว่างงาน 4.1% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ถือว่าดีด้วย
สำหรับภาคเอกชนเจย์ ฟอร์แมน ซีอีโอของเบสิคฟัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตของเล่นอย่างรถบรรทุกทอนก้า ลินคอล์น ล็อกส์และแคร์แบร์ ระบุว่า ทางบริษัทกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อหาแนวทางในการลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับภาษี เช่น การลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์และเลิกติดตั้งแบตเตอรี่กับของเล่นด้วย
