ภาษีทรัมป์ ทำหุ้นเอเชียเปิดตลาดร่วงหนัก ทองคำพุ่ง น้ำมันลง

AP

ภาษีทรัมป์ ทำหุ้นเอเชียเปิดตลาดร่วงหนัก ทองคำพุ่ง น้ำมันลง

ตลาดหุ้นเอเชียและตลาดซื้อหาหุ้นล่วงหน้าของสหรัฐพากันตกลงในวันที่ 3 เมษายน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก 10% และยังมีการขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศที่มองว่าเอาเปรียบสหรัฐในอัตราที่สูงกว่านั้น

ดัชนี Nikkei ของโตเกียวร่วงลงมากกว่า 4% ในช่วงเปิดตลาด ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย โดยลดลง 2.9% มาอยู่ที่ 34,675.97 จุด หลังจากทรัมป์กล่าวว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีต่างตอบแทน 24% จากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐ

เกาหลีใต้ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐในเอเชียก็โดนสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่ม 25% ทำให้ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ร่วงลง 1.5% มาอยู่ที่ 2,468.97 จุด

ADVERTISMENT

ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงก็ร่วงลง 1.4% มาอยู่ที่ 22,887.03 จุด ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ร่วงลงน้อยกว่า 0.1% ที่ 3,348.67 จุด

หุ้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือภาคเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากศูนย์กลางการผลิตในจีนและไต้หวัน ต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าใหม่ที่สูงกว่า 30% ทำให้ภาษีนำเข้าใหม่ทั้งหมดพุ่งสูงถึง 54% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากจีน

ADVERTISMENT

ในออสเตรเลีย ดัชนี S&P/ASX 200 ร่วงลง 1.3% ที่ 7,830.30 จุด

ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 0.7% ปิดที่ 5,670.97 จุด หลังจากร่วงลงไปก่อนหน้านี้ 1.1% โดยในสัปดาห์นี้ดัชนีมักมีรูปแบบที่ร่วงลงอย่างรวดเร็วก่อนจะปิดตลาดในแนวบวก ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ก็เพิ่มขึ้น 0.6% ที่ 42,225.32 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 0.9% ที่ 17,601.05 จุด

อย่างไรก็ดีในส่วนของการซื้อขายล่วงหน้า ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 3% ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 2% ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐ อาจร่วงลงอีกครั้งหลังเปิดตลาดในวันที่ 3 เมษายนนี้ ตามเวลาท้องถิ่น

หยิบ จวินหรง นักวิเคราะห์เศรษฐกิจจากไอจีอินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า การประกาศดังกล่าวถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตกใจครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการที่จีนโดนภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 34% ทำให้เมื่อรวมกับภาษีที่จีนโดนอยู่ก่อนหน้านี้ ภาษีนำเข้าสินค้าจีนไปยังสหรัฐจะอยู่ที่ 64%

อย่างไรก็ดี ความเสียหายอาจจะถูกลดทอนลงจากความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลจีน เพื่อชดเชยผลกระทบจากภาษีที่สูง

ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงต่ำสุดมาอยู่ที่ 4.11% ในช่วงเช้า จาก 4.17% เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา และลดจาก 4.80% เมื่อช่วงต้นปีนี้ แต่หลังจากนั้นก็ปรับขึ้นมาเป็น 4.18% ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความคาดหวังที่สูงขึ้นต่อสภาพเศรษฐกิจหรือเงินเฟ้อ

ด้านน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสของสหรัฐร่วงลง 2.08 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 69.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือลดลง 2.06 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 72.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้ในภาพรวมราคาน้ำมันซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลดลงมากกว่า 2% แต่การซื้อขายน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 73.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image