ไม่รอด! ศาลรธน.เกาหลีใต้มีมติเอกฉันท์ ถอดถอนปธน.ยุน ซอกยอล
ผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญของเกาหลีใต้ได้มีคำตัดสินด้วยมติเอกฉันท์ให้ถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอกยอลของเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 4 เมษายน ซึ่งจะทำให้มีการเลือกตั้งเพื่อหาประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่ภายใน 60 วัน
การอ่านคำพิพากษาดังกล่าวเกิดขึ้น 4 เดือนหลังจากความวุ่นวายทางการเมืองที่ถูกจุดขึ้นจากการที่ผู้นำอนุรักษ์นิยมประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึก ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ขณะที่การตัดสินใจของศาลจะทำให้เกิดความชัดเจนว่ายุนจะถูกปลดออกจากตำแหน่งหรือกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ด้วยอำนาจเต็มอีกครั้ง
ศาลได้อ่านคำตัดสินที่มีการเผยแพร่ผ่านทางโทรทัศน์ เมื่อเวลา 11:00 น. ตามเวลาเกาหลีใต้ เพื่อยืนยันว่าจะเห็นชอบกับการถอดถอนยุนของรัฐสภาหรือไม่ โดยการถอดถอนประธานาธิบดียุนออกจากตำแหน่งจะต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์คณะผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 6 คนจากทั้งหมด 8 คนของศาล
ผู้สนับสนุนและฝ่ายคัดค้านของยุนหลายพันคนรวมตัวกันที่ใจกลางกรุงโซลเพื่อรอฟังคำตัดสิน ขณะที่ตำรวจพยายามป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น
โดยในเช้าวันศุกร์ มีการตั้งสิ่งกีดขวางขึ้นรอบพื้นที่ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งกำแพงที่เคลื่อนย้ายได้ รั้วพับ เครื่องกีดขวางที่ทำจากไฟเบอร์กลาส รถบัสและรถตู้ของตำรวจหลายร้อยคัน ซึ่งบางคันมีการผูกล้อเข้าด้วยกันเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงเคลื่อนย้ายรถได้
ทางการได้ทำการปิดกั้นถนนและตรอกซอกซอยเกือบทุกสายที่นำไปสู่ศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้ารักษาช่องว่างแคบๆ ระหว่างรถยนต์และเครื่องกีดขวาง โดยชี้แนะคนเดินเท้าผ่านช่องทางที่กำหนด ตรวจสอบบัตรประจำตัว และสั่งให้เดินตรงเท่านั้น ด้านกองทัพกล่าวว่ามีแผนที่จะเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังอีกด้วย
ไม่ว่าคำตัดสินจะเป็นอย่างไร ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าคำตัดสินดังกล่าวจะทำให้ความขัดแย้งภายในประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากตลอดช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา ชาวเกาหลีใต้นับล้านออกมาเดินขบวนบนท้องถนนเพื่อประณามหรือเพื่อแสดงความสนับสนุนยุน ส่งผลให้การแบ่งแยกระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและเสรีนิยมที่รุนแรงอยู่แล้วในเกาหลีใต้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
ประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดในการพิจารณาคดีถอดถอนยุนคือ เหตุใดเขาจึงส่งทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนายไปยังรัฐสภา สำนักงานการเลือกตั้ง และสถานที่อื่นๆ หลังจากประกาศกฎอัยการศึก
ยุนกล่าวว่าเขาส่งทหารไปยังรัฐสภาเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และการประกาศกฎอัยการศึกของเขา เป็นความพยายามของคนที่สิ้นหวังเพื่อดึงความสนใจไปที่ความชั่วร้ายของพรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านทหารและตำรวจที่ถูกส่งไปที่รัฐสภาให้การเป็นพยานว่า ยุนสั่งให้พวกเขาควบคุมตัวนักการเมืองคู่แข่งและป้องกันไม่ให้รัฐสภาลงคะแนนเสียงเพื่อยกเลิกคำสั่งของเขา
แม้ว่ากฎอัยการศึกจะสิ้นสุดลงโดยไม่มีความรุนแรง แต่การเคลื่อนไหวเพื่อถอดถอนกล่าวหาว่ายุนละเมิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ โดยการปราบปรามกิจกรรมการชุมนุม พยายามควบคุมตัวนักการเมือง และทำลายสันติภาพ
นายกรัฐมนตรีฮัน ด๊อกซู ซึ่งดำรงตำแหน่งรักษาการผู้นำประเทศ ได้เรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ทั้งสองฝ่ายยอมรับคำตัดสินของศาลไม่ว่ามันจะออกมาอย่างไรก็ตาม