นักวิเคราะห์คาด iPhone อาจราคาพุ่ง 78,000 บาท เหตุฐานผลิตอยู่ในจีน เจอภาษีหนัก 54%

นักวิเคราะห์คาด iPhone อาจราคาพุ่ง 78,000 บาท เหตุฐานผลิตอยู่ในจีน เจอภาษีหนัก 54%

รอยเตอร์ รายงานว่า จากกรณีที่ประเทศต่างๆทั่วโลก ยกระดับสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าราคาสินค้าจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ถือเป็นอุปสรรคทางการค้าที่สูงที่สุดในรอบกว่าศตวรรษ โดยเป็นภาษีนำเข้าพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด และภาษีศุลกากรที่กำหนดเป้าหมายที่สูงขึ้นสำหรับคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดบางรายของประเทศ

ที่อาจจะส่งผลให้ราคาสินค้าของชาวอเมริกัน ที่ซื้อทุกอย่างตั้งแต่กัญชาไปจนรองเท้าวิ่ง รวมไปถึง ไอโฟน ที่จะราคาพุ่งสูงขึ้น โดยมีการวิเคราะห์กันว่า iPhone รุ่นท็อป อาจจะมีราคาเกือบ 2,300 ดอลลาร์ หรือราว 78,430 บาท หากแอปเปิล โยนต้นทุนนี้ให้กับผู้บริโภค ตามการคาดการณ์ของ Rosenblatt Securities

ADVERTISMENT

โดยมีการคาดการณ์ว่า ไอโฟน อาจจะถูกปรับขึ้นภาษี 30-40% เนื่องจากไอโฟนส่วนใหญ่ยังคงผลิตในจีน ซึ่งถูกเรียกเก็บภาษี 54% หากยังเรียกเก็บภาษีดังกล่าว Apple ก็มีทางเลือกที่ยากลำบาก

นั่นทำให้หุ้นของบริษัทปิดที่ 9.3% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นวันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ Apple ขาย iPhone ได้มากกว่า 220 ล้านเครื่องต่อปี ซึ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป

สำหรับ iPhone 16 รุ่นที่ถูกที่สุดเปิดตัวในสหรัฐ อยู่ที่ 799 ดอลลาร์ หรือราว 27,245 บาท แต่ราคาอาจสูงถึง 1,142 ดอลลาร์ หรือ 38,940 บาท ตามการคำนวณของนักวิเคราะห์ ขณะที่ iPhone 16 Pro Max ซึ่งปัจจุบันขายปลีกอยู่ที่ 1,599 ดอลลาร์ 54,525 บาท อาจมีราคาเกือบ 2,300 ดอลลาร์ หากส่งต่อราคาเพิ่มขึ้น 43% ให้กับผู้บริโภค

Angelo Zino นักวิเคราะห์ด้านหุ้นจาก CFRA Research กล่าวว่า บริษัทจะต้องลำบากในการส่งต่อต้นทุนมากกว่า 5% ถึง 10% ไปยังผู้บริโภค คาดว่า Apple จะรอจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่เตรียมเปิดตัว iPhone 17 เนื่องจากโดยปกติแล้ว Apple จะใช้วิธีรับมือกับการขึ้นราคาที่วางแผนไว้

แม้ว่าการผลิตบางส่วนจะย้ายไปยังเวียดนามและอินเดีย แต่ iPhone ส่วนใหญ่ยังคงผลิตในประเทศจีน และประเทศเหล่านี้ก็ไม่รอดพ้นจากการเก็บภาษี โดยเวียดนามถูกจัดเก็บ 46% ในขณะที่อินเดียจัดเก็บ 26%

ทั้งนี้ ธุรกิจต่างๆ ต่างพากันปรับตัว บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ Stellantis STLMA.MI กล่าวว่าจะเลิกจ้างพนักงานสหรัฐ ชั่วคราวและปิดโรงงานในแคนาดาและเม็กซิโก ขณะที่ General Motors GM.N กล่าวว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตในสหรัฐ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image