เริ่มแล้ว! สหรัฐเก็บภาษีพื้นฐาน 10% มูลค่าหุ้น S&P 500 วูบกว่า 172 ล้านล้านบาท
เจ้าหน้าที่ศุลกากรสหรัฐเริ่มทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าฝ่ายเดียว 10% ตามที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ในวันที่ 5 เมษายน ตามเวลาในสหรัฐ โดยภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ที่ท่าเรือ ท่าอากาศยาน และคลังสินค้าศุลกากรของสหรัฐ เมื่อเวลา 00.01 น. ของวันเสาร์
การเก็บภาษีฝ่ายเดียวดังกล่าวถือเป็นการเริ่มต้นปฏิเสธระบบอัตราภาษีที่มีการตกลงร่วมกันตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเต็มรูปแบบจากนโยบายของทรัมป์
เคลลี่ แอนน์ ชอว์ ทนายความด้านการค้าและอดีตที่ปรึกษาด้านการค้าของทำเนียบขาวในระหว่างการดำรงตำแหน่งวาระแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า นี่คือการดำเนินการทางการค้าครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา แต่ก็คาดว่าภาษีจะมีพัฒนาไปตามเวลาเมื่อประเทศต่างๆ จะพยายามเจรจากับสหรัฐเพื่อขอลดภาษี แต่นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและมีผลกระทบอย่างมากในวิธีที่เราค้าขายกับทุกประเทศในโลก
การประกาศภาษีของทรัมป์เมื่อวันที่ 2 เมษายน ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกสั่นสะเทือนติดต่อกันหลายวัน โดยมูลค่าหุ้นของบริษัทในดัชนี เอสแอนด์พี 500 ลดลง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 172 ล้านล้านบาท เมื่อปิดตลาดวันศุกร์ ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันอย่างเป็นประวัติการณ์ถึง 2 วัน เนื่องจากความวิตกกังวลว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์จับมือกันร่วงลง ขณะที่นักลงทุนต่างพากันหลีกหนีไปยังพันธบัตรรัฐบาลที่มีความปลอดภัยมากกว่า
ทั้งนี้ ประเทศแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีนำเข้า 10% ได้แก่ ออสเตรเลีย อังกฤษ บราซิล โคลอมเบีย อาร์เจนตินา และซาอุดีอาระเบีย แม้ว่าประเทศเหล่านี้จะขาดดุลการค้ากับสหรัฐในปีที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่าหลายประเทศจะขาดดุลการค้ากับสหรัฐมากขึ้น หากนโยบายการค้าของพวกเขาเป็นธรรมกว่านี้
สำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐได้ประกาศระยะเวลาผ่อนผัน 51 วันสำหรับสินค้าที่ถูกบรรทุกอยู่บนเรือหรืออยู่ระหว่างการขนส่งไปยังสหรัฐก่อนเวลา 00:01 น. ของวันที่ 5 เมษายน โดยสินค้าเหล่านี้จะต้องมาถึงสหรัฐภายในวันที่ 27 พฤษภาคม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า 10%
สำหรับภาษีศุลกากรต่างตอบแทนของทรัมป์ที่กำหนดไว้ตั้งแต่ 11% ถึง 50% จะมีกำหนดจะมีผลบังคับใช้ในเวลา 00:01 น. ของวันพุธที่ 9 เมษายน ตามเวลาตะวันออก โดยสินค้านำเข้าของสหภาพยุโรป (อียู) จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 20% ในขณะที่สินค้าจีนจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 34% ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าใหม่จากจีนของทรัมป์เพิ่มสูงถึง 54%
จีนประกาศเมื่อวันเสาร์กล่าวว่า ตลาดได้แสดงออกโดยการปฏิเสธภาษีของทรัมป์ และจีนได้ใช้มาตรการตอบโต้หลายประการ รวมถึงการเก็บภาษี 34% ต่อสินค้าทุกชนิดจากสหรัฐ รวมถึงการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากบางชนิด
ด้านทรัมป์โพสต์บนโซเชีบลมีเดียของเขาว่า “จีนได้รับผลกระทบหนักกว่ามากเมื่อเทียบกับสหรัฐ นี่คือการปฏิวัติทางเศรษฐกิจ และเราจะชนะ อย่ายอมแพ้ มันจะไม่ง่าย แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นประวัติศาสตร์”
