โกลด์แมนแซคส์เพิ่มตัวเลขแนวโน้มสหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็น 45%
จากกรณีที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภท จากทุกประเทศเพิ่ม 10% รวมถึงการเก็บภาษีต่างตอบแทน โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ปรับตัวเลขแนวโน้มของสหรัฐในการเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจาก 35% เป็น 45% ภายใน 12 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นที่ผันผวนอย่างหนัก ไปจนถึงความไม่แน่นอนทางด้านนโยบาย
ในขณะเดียวกัน ธนาคารหลายแห่งเพิ่มอัตราความเสี่ยงว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้น โดยเจพีมอร์แกน (JPMorgan) ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้น 60%
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม โกลด์แมน แซคส์ปรับตัวเลขแนวโน้มว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจาก 20% เป็น 35% ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแรงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนั้น บิล แอคแมน นักลงทุนชาวอเมริกัน กล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐกำลังทำให้ผู้ประกอบธุรกิจสูญเสียความมั่นใจ และควรยุติสงครามการค้า โดยกล่าวว่า ประธานาธิบดีควรจะระงับมาตรการต่างๆ เป็นเวลา 90 วัน เพื่อจัดการกับปัญหาทางการค้าผ่านการเจรจา
แอคแมนกล่าวอีกว่า “หากเราทำสงครามนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจกับทุกประเทศ การลงทุนจะหยุดชะงักและผู้บริโภคจะปิดกระเป๋าสตางค์ เราจะทำลายชื่อเสียงของประเทศกับทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งจะใช้เวลานานนับสิบปีในการกอบกู้คืนมา”