ทรัมป์เผย ถกอิหร่านตรงดีลนิวเคลียร์ 12 เม.ย. นี้ กร้าวเจอดีหากเล่นแง่
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เปิดเผยที่ห้องทำงานรูปไข่ว่า สหรัฐและอิหร่านจะดำเนินการเจรจากันอย่างโดยตรงในเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์ในวันที่ 12 เมษายนที่จะถึงนี้ โดยกล่าวว่า “สหรัฐจะประชุมครั้งใหญ่กับอิหร่านในวันเสาร์ และจะเป็นการหารือโดยตรง มีความเป็นไปได้ว่าข้อตกลงนั้นจะเกิดขึ้น ซึ่งนั้นจะเป็นเรื่องที่ดี”
ทรัมป์ระบุเพิ่มว่า การเจรจาในครั้งนี้จะเป็นการประชุมคณะผู้แทนระดับสูง พร้อมกับเน้นย้ำว่า อิหร่านไม่สามารถครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ได้ ทรัมป์ขู่ด้วยว่า หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ”จะเป็นวันที่ย่ำแย่สำหรับอิหร่าน” และอิหร่านจะต้องเผชิญกับ ”ภัยอันตรายครั้งใหญ่“ โดยก่อนหน้านี้ หลังจากที่อายาตุลลอฮ์ อะลี โฮไซนี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านปฏิเสธข้อเสนอการเจรจาโดยตรงของสหรัฐ ทรัมป์เคยประกาศเตือนเมื่อเดือนมีนาคมว่า จะดำเนินการปฏิบัติการทางทหารโจมตีอิหร่านด้วย
ขณะที่นายอับบาส อะรอกชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านร่วมยืนยันกำหนดการหารือในครั้งนี้เช่นกัน พร้อมเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การเจรจาจะจัดที่โอมาน โดยอะรอกซีกล่าวผ่านเอ็กซ์ว่าการหารือครั้งนี้ ”เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย ผลลัพธ์ของการเจรจาอยู่ในมือของสหรัฐ“
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์พยายามผลักดันให้เกิดการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงใหม่กับอิหร่านขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการแถลงว่าจะเกิดการเจรจาขึ้นเกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นในวันเดียวกันกับการพบหารือระหว่างทรัมป์กับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ซึ่งทางรัฐบาลอิสราเอลมองว่าการป้องกันไม่ให้อิหร่านสามารถถือครองอาวุธนิวเคลียร์ได้เป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคงระยะยาวของประเทศ
ที่ทำเนียบขาว เนทันยาฮูเน้นย้ำว่า “อิสราเอลและสหรัฐมีจุดยืนร่วมกันในการป้องกันไม่ให้อิหร่านถือครองอาวุธนิวเคลียร์” พร้อมกล่าวว่า “หากเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านการดำเนินการทางการทูต อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่ลิเบีย จะเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง”
อย่างไรก็ดี เอสเมล บากาอี โฆษกกระทรวงต่างประเทศ อิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านกำลังรอให้สหรัฐตอบกลับข้อเสนอของรัฐบาลในการเจรจาทางอ้อม พร้อมระบุว่า ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอที่ใจกว้าง มีความรับผิดชอบและมีเกียรติ ในขณะเดียวกัน หลังจากการแถลงของทรัมป์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “การเจรจาจะไม่ใช่การหารือโดยตรง โดยจะมีโอมานเป็นตัวกลาง”