หุ้นเอเชียร่วงตามหุ้นมะกัน หลังภาษีสินค้าจีนแตะ 145% ทองพุ่งเกือบ 3% ทรัมป์เชื่อคุยจีนได้

AP

หุ้นเอเชียร่วงตามหุ้นมะกัน หลังภาษีสินค้าจีนแตะ 145% ทองพุ่งเกือบ 3% ทรัมป์เชื่อคุยจีนได้

ตลาดหุ้นหลักในเอเชียเปิดตลาดเช้าวันที่ 11 เมษายน ด้วยการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดแบบติดลบทุกดัชนีไปก่อนหน้านี้ หลังจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 1 และ 2 ของโลกทวีความร้อนแรงมากขึ้น และการชะลอภาษี 90 วันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนจะสร้างความยินดีให้กับตลาดได้เพียงไม่นานนัก

ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ลดลงทันทีหลังเปิดตลาดซื้อขาย 5% ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ลดลง 1.6% ดัชนีตลาดหุ้นไต้หวันก็เปิดตลาดร่วงลงทันที 2.5% หลังจากเพิ่งปิดบวกมากกว่า 9% หนึ่งวันก่อนหน้า ในขณะที่ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียลดลงประมาณ 2%

การลดลงดังกล่าวเป็นไปตาม 3 ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐที่พากันปิดในแนวลบ หลังจากเพิ่งปรับขึ้นไปเพียง 1 วัน โดยดัชนี S&P 500 ติดลบ 3.5% ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ติดลบ 2.5% และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 4.3%

ADVERTISMENT

ความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนเกิดขึ้นหลังจากที่ทำเนียบขาวออกมาระบุว่า อัตราภาษีใหม่ที่ทรัมป์ประกาศบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจีนที่แท้จริงในขณะนี้อยู่ที่ 145% เพราะตัวเลข 125% ที่ทรัมป์ระบุถึงนั้นเป็นการเรียกเก็บเพิ่มเติมจากภาษีสินค้านำเข้าจีนที่สหรัฐเรียกเก็บอยู่ก่อนหน้า 20%

แม้สงครามการค้าจะทวีความร้อนแรง แต่ทรัมป์ก็ยังบอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เขาคิดว่าสหรัฐอาจจะบรรลุขอตกลงกันจีนได้ แม้ว่าจีนจะเอาเปรียบสหรัฐมเป็นเวลานาน

ADVERTISMENT

“ผมมั่นใจว่าเราจะเขากันได้ดีมาก ผมเคารพประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่จริงเขาเป็นเพื่อนผมมานานแล้ว ผมคิดว่าเราจะสามารถหาทางตกลงกันได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ” ทรัมป์กล่าว

ในเวลาเดียวกันภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐที่จีนเรียกเก็บ 84% ก็มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 10 เมษายน ด้านสหภาพยุโรปได้ระงับการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 20% ออกไปเป็นเวลา 90 วัน หลังจากที่สหรัฐได้ระงับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรปเป็นเวลาเท่ากัน

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ร่วงลงและระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ โดยอ่อนค่าลง 3.89% เมื่อเทียบกับฟรังก์สสวิส ส่วนเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 2.23% เมื่อเทียบกับเยนญี่ปุ่น

ความไม่แน่นอนและคาดเดาไม่ได้เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายภาษีของสหรัฐทำให้นักลงทุนพากันเทขายหุ้นและหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย โดยราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,171.49 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนปรับลดลงเป็นเพิ่มขึ้น 2.6%  ที่ 3,160.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสของสหรัฐก็ลดลง 2.28 ดอลลาร์ มาปิดที่ 60.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือลดลง 2.15 ดอลลาร์ มาปิดที่ 63.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image