ที่มา | นสพ.มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ชาลิสสา สุขเอี่ยม |
เผยแพร่ |
People in Focus : เช็กสเปก ‘ผู้นำอาเซียน’ รับมือศึกภาษีทรัมป์
จากกรณีที่ประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ออกมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทที่ส่งมายังสหรัฐ 10% รวมถึงมาตรการภาษีต่างตอบแทน ที่ได้สร้างความกังวลให้กับหลายประเทศทั่วโลก ไม่เว้นแต่ประชาคมอาเซียนที่เผชิญกับอัตราภาษีตั้งแต่ 10% ถึง 49% ซึ่งผู้นำของแต่ละประเทศต่างออกมาแสดงท่าทีในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เปิดฉากด้วยการหารือผ่านทางโทรศัพท์กับผู้นำสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ บรูไน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหาแนวทางร่วมมือเพื่อตอบโต้กับมาตรการภาษี พร้อมกับกล่าวว่ารัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน จะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ในวันที่ 10 เมษายนนี้
ต่อมา อันวาร์ก็ได้พูดคุยในเรื่องมาตรการภาษีในลักษณะทวิภาคีกับปะธานาธิบดี ปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนิเซีย รวมถึงนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนามด้วย
ขณะที่นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ แถลงกับประชาชนว่า ขอให้เตรียมความพร้อมกับผลกระทบจากมาตรการภาษี แต่เขาก็ได้ให้คำมั่นกับชาวสิงคโปร์ว่า จะสามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้ อีกทั้ง รัฐบาลสิงคโปร์จะจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อสนับสนุนภาคเอกชนและลูกจ้างที่อาจจะได้รับผลกระทบ โดยจะมีรองนายกรัฐมนตรีที่พ่วงตำแหน่งรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมทำหน้าที่เป็นประธาน และประกอบไปด้วยภาคธุรกิจไปจนถึงสหภาพแรงงาน
ด้าน นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เผชิญกับอัตราภาษีสูงสุดในภูมิภาคถึง 49% เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีทรัมป์ว่า กัมพูชามุ่งมั่นในการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ และจะลดอัตราภาษีศุลกากรสินค้า 19 รายการที่มีอัตราเดิมสูงสุดอยู่ที่ 35% เหลือเพียง 5% ควบคู่ไปกับการสั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐในเรื่องนี้ด้วย
ในส่วนของเวียดนามที่มีสหรัฐเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุด นายกฯ ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ เสนอว่าจะลดภาษีสินค้าจากสหรัฐให้เหลือ 0% และจะซื้อสินค้าจากสหรัฐในจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงอาวุธและอุปกรณ์ด้านการทหาร จนล่าสุดรองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เดินทางไปพบกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐด้วยแล้ว
สำหรับไทย นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร แต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาเพื่อรับมือกับมาตรการภาษีที่ไทยโดนอยู่ในตัวเลข 36% โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะ โดยมีแนวทาง 5 แผนงาน ดังนี้ 1. นำเข้าสินค้าสหรัฐมากขึ้น 2. ลดหรือยกเว้นภาษีสินค้า 3. ทลายมาตรการกีดกันทางการค้า 4. ให้ความสำคัญกับการคัดถิ่นกำเนิดสินค้า 5. สนับสนุนการลงทุนในสหรัฐ