จีนจำกัดนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด โต้ภาษี 145% ทรัมป์จวกเคยได้ยินเรื่องร้ายแรงกว่านี้
เมื่อวันที่ 10 เมษายน รัฐบาลจีนประกาศว่าจะดำเนินมาตรการจำกัดการนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดในทันทีเพื่อตอบโต้มาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ขึ้นภาษีสินค้าจากจีนถึง 145% อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระบุว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจในเรื่องนี้อาจจะมีไม่มาก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ความนิยมของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดในจีนนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทบวงกิจการภาพยนตร์ของจีนระบุว่า มาตรการภาษีของทรัมป์จะยิ่งทำให้ความนิยมของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดในจีนลดลงมากยิ่งขึ้น พร้อมกล่าวอีกว่า “เราจะปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการค้า ให้ความเคารพกับการเลือกชมภาพยนตร์ของผู้ชม และลดจำนวนภาพยนตร์ที่นำเข้ามาจากสหรัฐ”
จีนเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ทั้งนี้ เป็นเวลากว่า 30 ปีที่จีนนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด 10 เรื่องต่อปี โดยภาพยนตร์ที่ผลิตภายในจีนเองสามารถทำรายได้แซงหน้าภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ด เห็นได้จากการที่ Ne Zha 2 กวาดรายได้แซงหน้า Inside Out 2 ของ Pixar จนกลายเป็นแอนิเมชั่นที่ทำรายได้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์จีนด้วย
คริส เฟนตัน ผู้เขียนบทภาพยนตร์ Feeding the Dragon: Inside the Trillion Dollar Dilemma Facing Hollywood, the NBA และ American Business กล่าวว่า การจำกัดภาพยนตร์ที่ผลิตโดยสหรัฐเป็นวิธีที่โดดเด่นในการตอบโต้ เพราะไม่ได้ส่งผลเสียต่อจีนเลยแม้แต่น้อย พร้อมกล่าวว่า ในบ็อกซ์ออฟฟิศของจีน จำนวนภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดคิดเป็นแค่ 5% เท่านั้น อีกทั้ง ฮอลลีวู้ดได้รับรายได้จากการขายตั๋วชมภาพยนตร์ในจีนเพียงแค่ 25% เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ
เฟนตันกล่าวอีกว่า “การลงโทษฮอลลีวู้ดเช่นนี้ ถือเป็นการแสดงอำนาจของรัฐบาลจีน ซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลสหรัฐไม่สามารถมองข้ามในเรื่องนี้ได้” ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้ยินเรื่องที่ร้ายแรงกว่านี้มาก่อน
