‘ทรัมป์’ กระตุ้นตลาดเชื่อมั่น ชี้กำแพงภาษี 10% เป็นฐานขั้นต่ำ ขึ้นกับแต่ละปท.เจรจาดีลสหรัฐ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดสัปดาห์ลงในการซื้อขายเมื่อวันที่ 11 เมษายน ด้วยการปรับตัวขึ้น หลังจากผันผวนอย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังสหรัฐและจีน สองชาติมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งและสองของโลก ได้ทำสงครามการค้ากันอย่างดุเดือดโดยสหรัฐตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนก่อนในอัตราสูงถึง 145% ทำให้จีนสวนกลับด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐเพิ่มเป็น 125% ซึ่งมีผลในวันเสาร์ที่ 12 เมษายนก็ตาม
แต่ราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยกลับทำสถิติสูงสุดในการซื้อขายระหว่างวัน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมากที่สุดต่อสัปดาห์นับจากปี 2021 สวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงนั้น ได้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่ผลสำรวจผู้บริโภคในสหรัฐยังชี้ให้เห็นว่าความกังวลเรื่องเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1981 ด้วย ในขณะที่สถาบันการเงินหลายแห่งคาดการณ์ว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น
ในค่ำวันเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน โดยพยายามลดความสำคัญของความปั่นป่วนในตลาดด้วยการแสดงความมั่นใจว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้น พร้อมกับกล่าวว่า อัตราภาษีแบบครอบคลุม 10% ของเขาเป็น “ฐานขั้นต่ำ” ในกรณีส่วนใหญ่ ขณะที่แต่ละประเทศจะเจรจาข้อตกลงการค้าของตนเองกับสหรัฐ
“เมื่อผู้คนเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไร ผมคิดว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นมาก ตลาดพันธบัตรกำลังเป็นไปได้ดี มีเพียงช่วงสั้นๆ แต่ผมก็แก้ปัญหานั้นได้อย่างรวดเร็ว” ทรัมป์กล่าว
ก่อนหน้านั้น แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวกับผู้สื่อข่าว ถึงการตอบโต้กันทางการค้าว่า ประธานาธิบดีได้ชี้แจงชัดเจนว่า “เมื่อสหรัฐถูกต่อย เขาจะต่อยกลับแรงกว่า”
ทั้งนี้ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า มีมากกว่า 75 ประเทศ ที่พยายามขอเจรจากับสหรัฐและข้อตกลงในอนาคตจะนำมาซึ่งความแน่นอน โดยรอยเตอร์รายงานว่า อินเดียและญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในชาติยักษ์ใหญ่ที่มีความก้าวหน้าในการเจรจา แต่โดยทั่วไปแล้วผู้นำชาติต่างๆ ยังคงสับสนว่าจะตอบสนองต่อการหยุดชะงักครั้งใหญ่ที่สุดในระเบียบการค้าโลกในรอบหลายทศวรรษนี้อย่างไร
ล่าสุดสำนักงานเจรจาการค้าของไต้หวันเปิดเผยเมื่อวันที่ 12 เมษายนว่า ไต้หวัน ซึ่งเผชิญกำแพงภาษีสหรัฐสูงถึง 32% นั้น ได้เจรจาเรื่องภาษีศุลกากรกับเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐเป็นครั้งแรกผ่านการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวันที่ 11 เมษายน โดยการเจรจามุ่งเน้นไปที่มาตรการภาษีต่างตอบแทนระหว่างไต้หวันและสหรัฐ การขจัดอุปสรรทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี และประเด็นเศรษฐกิจการค้าอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการควบคุมการส่งออก โดยทั้งสองฝ่ายหวังว่าจะได้ปรึกษาหารือติดตามผลต่อไปในอนาคตอันใกล้และร่วมกันสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่แข็งแกร่งและมั่นคงระหว่างไต้หวันและสหรัฐต่อไป