‘จีน-เวียดนาม’ ลงนามข้อตกลง 45 ฉบับ ‘ทรัมป์’ แขวะ เหมือนรวมหัวหาทางทำลายสหรัฐ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 14-15 เมษายน ได้พบกับนายโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ในวันที่ 14 เมษายน พร้อมกับมีการลงนามความร่วมมือหลายสิบฉบับ
สื่อของทางการจีนและเวียดนามรายงานว่า ระหว่างการเยือนของผู้นำจีนมีการลงนามในความร่วมมือมากถึง 45 ฉบับ ที่รอยเตอร์ระบุว่า ครอบคลุมตั้งแต่ข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานและความร่วมมือด้านรถไฟ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของข้อตกลงทั้งหมด และไม่ชัดเจนว่าข้อตกลงเหล่านี้มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อผูกพันทางการเงินหรือข้อผูกพันทางกฎหมายหรือไม่
บันทึกความเข้าใจฉบับหนึ่งที่ลงนามกันคือการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีนกับหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม ซึ่งทำหน้าที่ออกใบรับรองเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า
ปัจจุบันวียดนามกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการเพิ่มภาษีศุลกากรต่างตอบแทนจากสหรัฐ ทำให้ต้องเข้มงวดในการควบคุมการค้าบางประเภทกับจีน เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐภายใต้ฉลาก “ผลิตในเวียดนาม” มีการเพิ่มมูลค่าในประเทศอย่างเพียงพอที่จะสมเหตุสมผลกับการใช้ฉลากดังกล่าว
เวียดนามเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการประกอบสินค้าสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยส่วนใหญ่จะนำเข้าสินค้าจากจีน ขณะที่สหรัฐเป็นตลาดส่งออกหลักของเวียดนาม โดยเวียดนามเป็นแหล่งผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รองเท้า และเสื้อผ้าที่สำคัญสำหรับสหรัฐ
ข้อมูลศุลกากรของเวียดนามแสดงให้เห็นว่า ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ เวียดนามนำเข้าสินค้ามูลค่าราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจากจีน ในขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐมีมูลค่า 3.14 หมื่นล้านดอลลาร์ มูลค่าการนำเข้าจากจีนที่ใกล้เคียงกับมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐที่เต็มไปด้วยความผันผวนในขณะนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของเวียดนามในภาพรวมจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าวกับนักข่าวที่ทำเนียบขาวว่า การหารือของจีนและเวียดนามดูจะพุ่งเป้าไปที่วิธีที่จะทำร้ายสหรัฐ แต่เขาไม่ได้ตำหนิการเจรจาดังกล่าว
“ผมไม่ตำหนิจีน ผมไม่ตำหนิเวียดนาม มันเป็นการพบปะที่น่ารัก เป็นการพบปะที่เหมือนกับพยายามหาคำตอบว่า เราจะทำลายสหรัฐได้อย่างไร” ทรัมป์กล่าว
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนเมษายน ทรัมป์และโต เลิม ได้ตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อลดภาษีศุลกากรซึ่งกันและกัน และหวังว่าผู้นำทั้งคู่จะได้พบกันในเร็วๆ นี้