อ้างทรัมป์เปิดกว้าง คุยข้อตกลงการค้า แต่จีนต้องเริ่มก่อน สื่อมะกันแฉเตรียมบีบคู่ค้า จำกัดติดต่อปักกิ่ง
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกประจำทำเนียบขาว กล่าวเมื่อวันที่ 15 เมษายน ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เปิดกว้างสำหรับการทำข้อตกลงทางการค้ากับจีน แต่จีนจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“ขณะนี้การตัดสินใจอยู่ที่จีน – จีนต้องเป็นฝ่ายทำข้อตกลงกับเรา ไม่ใช่เราที่ต้องทำข้อตกลงกับพวกเขา” เลวิตต์ กล่าวในการแถลงข่าว โดยระบุว่าทรัมป์เป็นคนพูดคำนี้เองระหว่างการหารือกันในห้องทำงานรูปไข่
เลวิตต์กล่าวว่า จีนต้องการในสิ่งที่เรามี นั่นก็คือผู้บริโภคชาวอเมริกัน หรือพูดอีกอย่างคือ พวกเขาต้องการเงินของเรา ท่านประธานาธิบดีได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนอีกครั้งว่าเขาเปิดรับข้อตกลงกับจีน แต่จีนจะต้องเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรา
จีนได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็น 125% เพื่อตอบโต้การที่ทรัมป์เพิ่มภาษีสินค้าจากจีนเป็น 145% ขณะที่สหรัฐได้ชะลอแผนการเก็บภาษีกับสินค้าจากประเทศอื่นๆ ออกไป 90 วัน ก่อนที่สหรัฐจะประกาศยกเว้นภาษีต่างตอบแทนกับมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการ ขณะที่ทรัมป์ยังระบุในเวลาต่อมาว่า เขาอาจยกเว้นการเก็บภาษีที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่มีอยู่แล้วบางส่วน
แม้ว่าทรัมป์จะเคยกล่าวถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในเชิงชื่นชม แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีใครยอมถอยจากสงครามการค้า ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสองประเทศ
ทรัมป์กล่าวว่าเขาคาดหวังว่าจะมีบางสิ่งที่ดีเกิดขึ้นจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก อย่างไรก็ตาม จีนได้ดำเนินการตอบโต้กลับภาษีทรัมป์และไม่เร่งการเจรจา ต่างจากประเทศอื่นหลายแห่งที่พยายามของเจรจากับสหรัฐทันทีหลังมีการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรใหม่ดังกล่าว
ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลของสหรัฐรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของทรัมป์กำลังวางแผนที่จะใช้การเจรจาต่อรองเรื่องภาษีกับประเทศต่างๆ เพื่อโดดเดี่ยวจีน
วอลล์สตรีทเจอร์นัลอ้างแหล่งข่าวที่ทราบเรื่องดังกล่าวว่า สหรัฐมีแผนที่จะใช้การเจรจาภาษีที่กำลังดำเนินการอยู่เป็นเครื่องมือในการกดดันประเทศคู่ค้าของสหรัฐลดการมีปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐมีแผนจะเจรจาเรื่องภาษีกับกว่า 70 ประเทศ โดยสหรฐจะขอให้ประเทศเหล่านั้นไม่อนุญาตให้จีนส่งสินค้าผ่านประเทศของพวกเขา และไม่ให้บริษัทจีนตั้งกิจการในประเทศของพวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกภาษีจากสหรัฐ